‘กลุ่มเป็นหนึ่ง’ จี้ ‘ชลน่าน’ ใช้ยาแรงกับ ‘ยาเสพติด’ วอนทบทวน ‘ยาบ้า 5 เม็ด = ผู้เสพ’

‘กลุ่มเป็นหนึ่ง’ ยื่นหนังสือถึง ’หมอชลน่าน’ พร้อมฝากถึง ‘เศรษฐา’ ทบทวนกฎกระทรวง ‘มียาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ’ หลังหลายฝ่ายกังวลว่าอาจเป็นเหตุให้มีผู้เสพ – เหตุความรุนแรงจากยาเสพติดมากขึ้น

จากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎ กระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 ซึ่งลงนามโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2567 โดยมีสาระสำคัญคือการกำหนดปริมาณการครอบครองยาเสพติดให้โทษ เช่น ยาบ้า หากมีครอบครองไม่เกิน 5 เม็ด ให้สันนิษฐานก่อนว่ามีไว้เพื่อเสพ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นพ.ชลน่าน เพื่อแสดงจุดยืน และขอให้พิจารณาทบทวนกฎกระทรวงดังกล่าวใหม่ เนื่องจากมีข้อกังวลว่าผลของกฎกระทรวงดังกล่าวจะทำให้มีการเข้าถึงยาเสพติดมากขึ้น และนำไปสู่เหตุความรุนแรงในสังคม โดยมี นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด สธ. เป็นผู้รับหนังสือ

นางชลิดา กล่าวว่า บางคนที่เห็นด้วยกับกฎกระทรวงฉบับนี้ก็มีแต่ในภาพรวมเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เห็นด้วย เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ยาบ้าที่เข้าถึงง่าย แต่กลับมีเฮโรอีน โคเคน ฯลฯ ซึ่งทางกลุ่มเป็นหนึ่งมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากบทบาทของเราคือการช่วยเหลือเด็กและสตรีในชุมชนที่ได้รับผลจากความรุนแรงที่เกิดจากยาเสพติด และพบกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง

ดังนั้น จึงทำให้เห็นถึงช่องโหว่ของกฎกระทรวงฉบับนี้ เช่น การทำให้ผู้ค้ารายย่อย และผู้เสพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เป็นอาทิ นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าระบบการบำบัดผู้ติดยาเสพติดของภาครัฐยังไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการดำเนินการในส่วนนี้ถือเป็นภาระทางงบประมาณของประเทศอย่างหนึ่งด้วย แทนที่จะเลือกนำเงินตรงนี้ไปช่วยเหลือคนกลุ่มอื่นๆ ในสังคมได้

“เราพบว่า 90% ของคนเข้ารับการบำบัดแทบจะไม่เลิก อย่างล่าสุดมีเคสหนึ่ง ติดยาเสพติดและเข้าออกสถานบำบัดเป็นว่าเล่น สุดท้ายไม่หาย เราถามเขาว่าเพราะอะไร เขาตอบมาว่าจะเลิกหรือไม่เลิกขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง เขาไม่อยากเลิก และที่เขาเลือกไปบำบัดเพราะเป็นช่องทางที่หลีกเลี่ยงได้ที่จะไม่ถูกดำเนินคดี จึงอยากฝากท่าน นพ.ชลน่าน และท่านนายกเศรษฐา ให้พิจารณาปรับแก้หรือทำให้กฎหมายรัดกุมมากกว่านี้ และถามเสียงของประชาชนบ้าง เพราะถ้าท่านมีโอกาสในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว ก็ควรจะใช้ยาแรงสักที ซึ่งทุกคนคาดหวังอย่างมากว่าประเทศไทยจะมียาเสพติดน้อยลง” ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง ระบุ

นางชลิดา กล่างทิ้งท้ายว่า หากการยื่นหนังสือเรียกร้องในครั้งนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับ อาจจะต้องมีการพูดคุยกับเครือข่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ