การกักตัว (Quarantine) เป็นมาตรการที่มีการบังคับใช้นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยเมื่อปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
แน่นอน เมื่อสถานการณ์การระบาดรุนแรงขึ้น บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และมีผู้ที่ต้องเข้ารับการกักตัวเพิ่มมากขึ้น
คณะนักวิจัยจากโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) ได้ร่วมกันทำงานศึกษาวิจัยหัวข้อ “การศึกษาเพื่อพัฒนามาตรการกักตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19” โดยเก็บข้อมูลทางห้องปฏิบัติการจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จำนวน 153 คน
ทั้งนี้ พบว่ามีบุคลากรฯ จำนวน 3 คน ที่ติดเชื้อโควิด-19 จึงได้สัมภาษณ์เชิงลึกกับบุคลากรฯ และพยาบาลวิชาชีพควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล (ICN) เพิ่มเติมเพื่อศึกษาผลกระทบจากการติดเชื้อโควิด-19 และเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลในการพัฒนามาตรการกักตัวสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขต่อไป
นั่นทำให้พบอีกว่า บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เข้ารับการกักตัว มีความกังวล ความเครียด ความกดดัน คุณภาพชีวิตลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 5 วันแรก ที่ยังไม่ทราบสถานการณ์ติดเชื้อ และจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ ยังพบช่องว่างด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ตลอดจนพบว่า ค่าตอบแทนและสวัสดิการไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยง
ระดับความกังวล-ความเครียด
สัดส่วนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ต้องเข้ารับการกักตัว และมีปัญหาด้านความวิตกกังวลหรือความซึมเศร้า
- มีปัญหาเล็กน้อย
- มีปัญหาปานกลาง
- มีปัญหามากถึงมากที่สุด
ต้นทางของความเครียด
คุณภาพชีวิตของบุคลากรลดลงอย่างชัดเจนในช่วง 5 วันแรกของการกักตัว (ในระหว่างที่ยังไม่ทราบสถานะการติดเชื้อ) เกิดเป็นความเครียดสะสม
- -การปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตคนเดียวในพื้นที่จำกัด
- -กังวลว่าบุคคลรอบข้างจะติดเชื้อไปด้วย
แม้ที่สุดแล้วผู้เข้ารับการกักตัวจะไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังพบ “การกีดกัน” จากคนในสังคมรอบข้าง ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
‘ช่องว่าง’ ด้านความปลอดภัย กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
- 95.42% ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ต้องเข้ารับการกักตัว ไม่ได้สวมใส่ชุด PPE ครบชุดในการปฏิบัติงาน
- บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงาน ได้รับการจัดสรรชุด PPE ไม่ครบทุกคน
- ในช่วงระบาดหนัก โรงพยาบาลต้องขยายเตียงรับผู้ป่วยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาระงานและความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- ค่าตอบแทนและสวัสดิการไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยง โดยเฉพาะ ‘บุคลากรอัตราจ้างรายวัน’ หากเข้ารับการกักตัว จะสูญเสียรายได้หลักเพราะต้องหยุดปฏิบัติงาน
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้จัดทำข้อเสนอแนะและมาตรการสนับสนุนที่สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่
1. มาตรการด้านการป้องกัน
1.1 บุคลากรทุกคนในโรงพยาบาลมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสและติดเชื้อโควิด-19 จึงควรจัดสรรชุด PPE ที่มีคุณภาพให้เพียงพอและครอบคลุมกับบุคลากรที่ปฏิบัติงานทุกคน และปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างบุคลากร
1.2 จัดระบบหมุนเวียนบุคลากรเพื่อลดภาระงานและลดความเสี่ยงจากการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตของบุคลากรที่สัมผัสแบบเสี่ยงสูงในภายหลังได้อีกด้วย
1.3 มาตรการกักตัวบุคลากรที่สัมผัสเสี่ยงสูงและมาตรการเฝ้าระวังโดยการตรวจหาการติดเชื้อในบุคลากรเป็นระยะยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าบุคลากรส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบแล้วก็ตาม
2. มาตรการด้านการสนับสนุนและดูแลรักษา
2.1 ควรมีมาตรการดูแลบุคลากรในกรณีที่ต้องกักตัวหรือเจ็บป่วย เช่น การรักษาพยาบาล หรือการดูแลด้านอาหาร สิ่งสนับสนุนต่างๆ ในกรณีที่บุคลากรกักตัวเองอยู่ภายในที่พัก มาตรการจัดการความเครียดของบุคลากรในระหว่างกักตัว การจัดทำประกันภัยเพื่อเป็นหลักประกันและขวัญกำลังใจให้กับบุคลากร เป็นต้น
2.2 ควรปรับค่าตอบแทนให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานมากขึ้น ตลอดจนปรับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเป็นแบบรายเดือน เพื่อให้บุคลากรสามารถรับเงินค่าตอบแทนได้รวดเร็วขึ้น
3. มาตรการด้านการสื่อสาร
ควรสื่อสารทำความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตหลังติดเชื้อโควิด-19 ให้มากขึ้น และชัดเจน เช่น ผู้ที่ติดเชื้อและรักษาหายเป็นปกติแล้วสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ หรือบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข แม้จะปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อสูง แต่ก็มีมาตรการป้องกันอย่างรัดกุม ซึ่งอาจนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่กระจายในชุมชนได้น้อยมาก เป็นต้น
- 117 views