ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.ช่วยเหลือเบื้องต้นผู้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 6,177 ราย รวมเป็นเงินกว่า 621 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาการไม่รุนแรงเจ็บป่วยต่อเนื่อง 4,770 ราย พื้นที่เขต 13 กทม. มีผู้ยื่นขอรับการช่วยเหลือมากที่สุด รองลงมาเป็นเขต 1 เชียงใหม่ เขต 10 อุบลราชธานี และเขต 8 อุดรธานี 


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ที่เกิดภาวะไม่พึงประสงค์หลังรับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตามแผนงานโครงการที่รัฐจัดให้ฟรี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการรับบริการ โดยมอบให้ สปสช. เป็นหน่วยงานดำเนินการ และได้ออกประกาศ สปสช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2564  

ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 พ.ย. 2564 มีประชาชนที่ฉีดวัคซีนและเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือจำนวน 9,245 ราย ส่วนใหญ่เป็นภาวะไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนเข็มแรก จำนวน 5,995 ราย หรือ 64.85% โดยในจำนวนนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ขอรับการช่วยเหลือ 6,177 ราย หรือ 66.81% ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ 1,400 ราย หรือ 16.21% และอยู่ระหว่างรอการพิจารณาอีก 1,569 ราย หรือ 16.97% ในจำนวนนี้มีผู้ที่อุทธรณ์คำร้องขอรับการช่วยเหลือเพิ่มเติม 545 ราย โดย สปสช.ได้จ่ายเงินช่วยเหลือฯ ไปแล้วทั้งหมด จำนวน 621,896,100 บาท

ขณะเดียวกันเมื่อแยกดูข้อมูลแบ่งตามเขต พบว่า เขต 13 กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการยื่นคำร้องมากที่สุด จำนวน 1,703 ราย รองลงมาอีก 3 เขต เป็นเขต 1 เชียงใหม่ จำนวน 1,146 ราย เขต 10 อุบลราชธานี จำนวน 1,047 ราย และเขต 8 อุดรธานี จำนวน 704 ราย

นพ.จเด็จ กล่าวว่า เมื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมผู้ที่ยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) จำนวน 4,259 ราย หรือ 46.07% ผู้มีสิทธิประกันสังคม จำนวน 2,564 ราย หรือ 27.73% ราย ผู้มีสิทธิสวัสดิการข้าราชการ จำนวน 2,175 ราย หรือ 23.53% นอกนั้นเป็นผู้มีสิทธิรักษาพยาบาลอื่นๆ โดยอาการผู้ที่มีภาวะไม่พึงประสงค์ อาทิ มีไข้, ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน, มีผื่น คัน บวม, ปวดเวียนศีรษะ หน้ามืด, แน่นหน้าอก หายใจลำบาก, อาการชา, แขนขาอ่อนแรง, ภาวะแพ้รุนแรง (Phylaxis Shock) และเสียชีวิต

อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอาการไม่รุนแรง เข้าหลักเกณฑ์ระดับ 1 อาการเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท จำนวน 4,770 ราย ขณะที่ในระดับ 2 เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท มี จำนวน 118 ราย และระดับ 3 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท จำนวน 1,296 ราย

สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ใน 3 จุด คือ ที่หน่วยบริการที่ไปรับการฉีด ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือที่ สปสช.เขตพื้นที่ทั้ง 13 สาขาเขต มีระยะเวลายื่นคำร้องภายใน 2 ปี นับจากวันที่เกิดความเสียหายหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งหลังจากได้รับคำร้องแล้ว จะมีคณะอนุกรรมการในระดับเขตซึ่งประกอบด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนภาคประชาชนเป็นผู้พิจารณาว่าจะจ่ายเงินเยียวยาหรือไม่และจ่ายเป็นจำนวนเท่าใด

ขณะที่การพิจารณาจะประเมินตามหลักฐานทางการแพทย์ และระดับความหนักเบาของอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีผู้มายื่นคำร้องแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ระดับเขตพื้นที่จะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งในกรณีที่ผู้ยื่นคำร้องไม่เห็นด้วยกับผลการวินิจฉัย ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อเลขาธิการ สปสช. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบผลการวินิจฉัย

อนึ่ง ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแแบบคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโควิดได้ที่ https://www.nhso.go.th/storage/files/841/001/nhso_VaccinCovid19.pdf หรือสอบถามเพิ่มเติม สายด่วน สปสช. 1330