ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย เผย ผลอนามัยโพล เรื่อง “พฤติกรรมการป้องกันโรค และความกังวล ต่อการฉีดวัคซีนของกลุ่มผู้สูงอายุ” พบ กลัวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมากที่สุด


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ยังคงต้องเฝ้าระวังและป้องกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดความเสี่ยง และความรุนแรงของโควิด-19 ซึ่งข้อมูลจากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (MOPH Immunization Center)  วันที่ 18 เม.ย. 2565 ระบุว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวนเป้าหมาย 12,704,543 คน ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 10,673,379 คน คิดเป็นร้อยละ 84.0 เข็มที่ 2 จำนวน 10,111,943 คน คิดเป็นร้อยละ 79.6 และเข็มที่ 3 จำนวน 5,010,964 คน คิดเป็นร้อยละ 39.4

อย่างไรก็ดี จากผลการสำรวจอนามัยโพลเรื่อง “พฤติกรรมการป้องกันโรค และความกังวลต่อการฉีดวัคซีนของกลุ่มผู้สูงอายุ” ระหว่างวันที่ 1 - 21 เม.ย. 2565 พบว่า ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีน และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบแล้ว ร้อยละ 88.2 แต่ยังคงมีผู้สูงอายุที่ยังไม่แน่ใจที่จะฉีดวัคซีน หรือคิดว่าจะไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีก ร้อยละ 11.8 โดยสาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ร้อยละ 37.99 กลัวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน รองลงมา ร้อยละ 19.44 คิดว่าฉีดวัคซีน 1 - 2 เข็มเพียงพอแล้ว แล ร้อยละ 10.51 อยากศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนฉีด

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ขอให้บุตรหลานพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีนให้ครบโดส เพื่อป้องกันอาการรุนแรง และเสียชีวิตหากติดเชื้อ ซึ่งจากข้อมูลกรมควบคุมโรค วันที่ 19 เม.ย. 2565 พบว่า การฉีดวัคซีน 3 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 34 – 68 % ป้องกันการเสียชีวิตได้ 98 – 99 %และหากฉีดวัคซีน 4 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 80 – 82 % และยังไม่พบผู้เสียชีวิต

พร้อมเน้นย้ำให้ผู้สูงอายุปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) เพื่อป้องกันโควิด-19 ดังนี้ 1. ยึดหลัก DMHTT คือ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อย ๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจเชื้อโควิด-19  2. สวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น และบุคคลในครอบครัว 3. หลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกัน  และ 4. ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ โดยกินอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ มีกิจกรรมทางกายสม่ำเสมอ  ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน หลีกเลี่ยงการรับข่าวสารที่มากเกินไป และพักผ่อนให้เพียงพอ