ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. ปรับบทบาทสายด่วน 1330 เน้นคัดกรองอาการ หากไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงไปเข้ารับบริการ “เจอ แจก จบ” กรณีกลุ่มเสี่ยงและกลุ่ม 608 สปสช. รับลงทะเบียนเข้าระบบรักษาที่บ้าน หากมีอาการรุนแรงเข้าระบบประสานหาเตียง พร้อมแนะนำผู้ป่วย-ญาติ ประสานสถานพยาบาลตามสิทธิเป็นอีกทางเลือกไว้ด้วย 


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากการปรับแนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อใหม่แนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทั้งแนวทางผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (OPD Self Isolation) หรือ เจอ แจก จบ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.  2565 เป็นต้นมา และการปรับ UCEP โควิด เป็น UCEP Plus ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2565 โดยให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง เข้าเกณฑ์เจ็บป่วยฉุกเฉินที่ใช้สิทธิ UCEP หรือรักษาเจ็บป่วยฉุกเฉินได้ทุกที่ สำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่เป็นกลุ่มไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย เข้ารักษาตามแนวทางเจอ แจก จบนั้น 

สำหรับที่ผ่านมา สปสช. ได้ปรับบทบาทสายด่วน 1330 รองรับตามแนวทางดังกล่าว โดยเน้นเป็นการคัดกรองอาการเพื่อประเมินความเสี่ยง เมื่อผู้ติดเชื้อโทรเข้ามาที่สายด่วน 1330 กด 14 จะเป็นระบบคัดกรองอาการ เมื่อพบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะเข้าสู่ระบบการรักษาต่อไป กรณีที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแนะนำให้ไปรับบริการผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านหรือแนวทาง เจอ แจก จบ 

นอกจากนี้ ยังได้เปิดสายด่วน 1330 กด 18 สำหรับคัดกรองอาการและประเมินความเสี่ยง ผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่ม 608 รวมเด็ก 0-5 ปี คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง ก่อนหน้านี้ สายด่วน 1330 จะรับลงทะเบียนเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน (Home isolaion) และรายใดหากมีอาการรุนแรงจะเข้าสู่ระบบการประสานหาเตียงต่อไป เฉพาะผู้ป่วยที่เป็นสิทธิบัตรทองและสิทธิ อปท. ส่วนสิทธิอื่นให้ติดต่อสายด่วนของแต่ละสิทธิ

อย่างไรก็ดี เนื่องจากพบปัญหาว่าผู้ป่วยสิทธิอื่นยังมีปัญหาเข้าไม่ถึงการรักษา ดังนั้น สปสช.จะประสานให้ผู้ป่วยกลุ่ม 608 สิทธิอื่นด้วย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ผู้ป่วย-ญาติผู้ป่วยติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิของตัวเองไว้ด้วย เพื่อเป็นทางเลือกในการให้ความช่วยเหลือและลดการรอคอย 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช. ขอย้ำว่า ระบบของสายด่วน สปสช. 1330 เป็นระบบเสริมในการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อช่วยแต่ละจังหวัดในการรับเรื่องจากผู้ป่วย ที่ผ่านมาแต่ละจังหวัดได้ออกแบบระบบหลักเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อในจังหวัดของตน ดังนั้นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังสามารถติดต่อตามรายละเอียดของแต่ละจังหวัดได้ โดยเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์หรือเฟสบุ๊กสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งจะมีรายละเอียด ขั้นตอน และเบอร์โทรศัพท์ในการประสานงานระบุไว้ 

สำหรับในส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) สามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพมหานคร (https://main.bangkok.go.th/) และเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ (https://www.facebook.com/prbangkok) รวมถึงเพิ่มเพื่อนทาง Line @BKKCOVID19CONNECT หรือคลิก https://bit.ly/3Iuw7Si ได้เช่นกัน 

ทั้งนี้ ยังมีระบบของกรมการแพทย์และภาคีเครือข่าย สำหรับลงทะเบียนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย สามารถลงทะเบียนได้เวลาทำการ 08.30-16.30 น. https://onestopcovid.dms.go.th/oss/index.jsp ด้วยเช่นกัน 

หมายเหตุ 

1. กลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค คือ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, หัวใจและหลอดเลือด, ไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 90 กก., มะเร็ง, เบาหวาน และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 

2. การใช้สิทธิรักษาสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สีเขียว แต่ละสิทธิมีดังนี้ 

สิทธิบัตรทอง 30 บาท (สปสช.) นอกจากไปที่สถานพยาบาลประจำที่ท่านลงทะเบียนไว้ ยังไปที่หน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ (ไม่ใช้ใบส่งตัว) หน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, รพ.สต., หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น และ รพ.เอกชนที่ทำข้อตกลงรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียวกับ สปสช. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชม. หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso

สิทธิประกันสังคม ไปรักษา รพ.ที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงสถานพยาบาลคู่สัญญาในระบบประกันสังคมทุกแห่ง และสถานพยาบาลรัฐทุกแห่ง สอบถามเพิ่มเติมสายด่วนประกันสังคม 1506

สิทธิข้าราชการ ไปรักษาได้ที่สถานพยาบาลรัฐทุกแห่ง และ รพ.เอกชนที่ทำข้อตกลงรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเขียวกับ สปสช. ติดต่อสายด่วนกรมบัญชีกลาง 02-2706400 วันและเวลาราชการ

ชาวต่างชาติ แรงงานข้ามชาติ หากมีประกันชีวิต, ประกันสังคมหรือบัตรประกันสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข (กรณีแรงงานข้ามชาติ) ให้ไปใช้บริการผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน (OP SELF ISOLATION) ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ หากไม่มีไปที่โรงพยาบาลของรัฐได้ทุกแห่ง เพื่อรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านตามแนวทางเจอ แจก จบ