ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ. แถลงประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน โดยพบว่าวัคซีนเข็มที่ 3 สำคัญมาก ช่วยลดอัตราการตายได้ 87%


นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2564 เรื่อง “ประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน” ซึ่งเป็นการประเมินข้อมูลการใช้วัคซีนใน จ.เชียงใหม่ และระดับประเทศ โดยพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้มาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ในช่วงการระบาดเดือน ต.ค. 2564 พบว่าอัตราการเสียชีวิตในผู้สูงอายุไม่มาก แต่ในเดือน ก.พ. 2565 พบว่าผู้สูงอายุเสียชีวิตสูงถึง 89.5%

สำหรับผลเบื้องต้นการประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโควิด-19 จ.เชียงใหม่ ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2565 พบว่าสามารถ ป้องกันการเสียชีวิต ได้

- ฉีด 2 เข็ม : เดือน ม.ค. ป้องกันการเสียชีวิตได้ 93% เดือน ก.พ. ได้ 85%
- ฉีด 3 เข็ม : เดือน ม.ค. ป้องกันการเสียชีวิตได้ 98% เดือน ก.พ. ได้ 98%
- ฉีด 4 เข็ม : จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียชีวิตในผู้ที่ฉีดวัคซีน 4 เข็ม

ในส่วนของ การป้องกันการติดเชื้อ พบว่า

- ฉีด 2 เข็ม : ทั้งในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้
- ฉีด 3 เข็ม : เดือน ม.ค. ป้องกันการติดเชื้อได้ 68% เดือน ก.พ. ได้ 45%
- ฉีด 4 เข็ม : ข้อมูลเดือน ก.พ. พบว่าสามารถป้องกันได้ถึง 82%

ขณะที่ประสิทธิผล ระดับประเทศด้านการ ป้องกันการติดเชื้อพบว่า
- ฉีด 2 เข็ม : ป้องกันได้เพียง 4.1% เท่านั้น (ป้องกันอาการรุนแรง 54.8% ป้องกันเสียชีวิต 79.2%)
- ฉีด 3 เข็ม : ป้องกันได้ 56% (ป้องกันอาการรุนแรง 88.1% ป้องกันเสียชีวิต 87%)
- ฉีด 4 เข็ม : ป้องกันได้มากถึง 84.7% 

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า การระบาดระลอกปัจจุบัน ผู้เสียชีวิตราว 80% คือผู้สูงอายุ ซึ่งแยกเป็น 60% ไม่ได้รับวัคซีน และ 29% ไม่ได้รับเข็มสาม หรือเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัย ซึ่งจนถึงขณะนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 120 ล้านโดส และหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ก็มีการดูแลด้วยเช่นกัน