ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สำนักข่าว BBC รายงานเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2564 ว่า รัฐบาลอิสราเอลตั้งเป้าให้โควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยสำคัญที่สามารถนำไปสู่การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศได้


นพ.นัคช์มัน อาช ที่ปรึกษาระดับสูงด้านสาธารณสุขและกรรมาธิการด้านโควิด-19 ของรัฐบาลอิสราเอล กล่าวว่า การปล่อยให้โอมิครอนระบาดหนักจะมีปลายทางคือการที่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) กับชาวอิสราเอลในที่สุด แต่ก็จะมีความเสียหายมากมายตามมาด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่จะต้องไม่ใช่เกิดจากการระบาดหนัก แต่ต้องเป็นการที่ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนครบถ้วน

การคาดการณ์ของหน่วยงานสาธารณสุขอิสราเอลในเวลานี้ระบุว่า ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2565 นี้ ประชาชนอิสราเอลมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อทั้งสิ้น 4 ล้านราย (จากประชากรประมาณ 9.217ล้านราย)

“การมียอดการติดเชื้อโอมิครอนพุ่งสูงขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่คือการติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งต้องมีมากเพียงพอจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่อยากให้ภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นเพราะประชาชนติดเชื้อจำนวนมาก เราอยากให้มันเกิดขึ้นเพราะประชาชนได้รับวัคซีนเพียงพอและครบถ้วน” นพ.อาช ระบุ

นาฟตาลี เบนเนทท์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมายอมรับว่า นโยบายที่รัฐบาลอิสราเอลมีอยู่ในตอนนี้ไม่สามารถที่จะป้องกันการพุ่งสูงขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อได้ และนโยบายใหม่ที่จะเริ่มใช้ก็คือการให้บุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 ให้เร็วที่สุด

ก่อนหน้านี้ นโยบายของ “เบนเนทท์” คือการยืนกรานที่จะเปิดประเทศและเศรษฐกิจต่อไป โดยจะพยายามเพียงแค่การป้องกันไม่ให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงเท่านั้น รวมถึงไม่มีแผนที่จะ “ล็อคดาวน์” อีกด้วย

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2565 ยอดผู้ติดเชื้อในอิสราเอลพุ่งขึ้นสูงกว่า 3,500 รายต่อวันโดยเฉลี่ย แต่ในขณะเดียวกันยอดการเสียชีวิตกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม

สำหรับภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถอธิบายได้โดยง่ายว่า เป็นการที่เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้คนจะมีภูมิคุ้มกันต่อโรคหรือเชื้อใดๆ ก็ตาม ด้วยเหตุที่ประชากรได้รับภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาได้เอง โดยเงื่อนไขของการมีภูมิคุ้มกันหมู่คือ จำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีน หรือมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ (มีขึ้นได้เองด้วยปัจจัยต่าง ๆ – เกิดจากการติดเชื้อมาแล้วครั้งหนึ่ง) จะต้องมีทั้งหมดประมาณ 65-70% ของจำนวนประชากรทั้งหมด

ด้าน ซัลมา ซาร์ก้า หัวหน้าที่เฉพาะกิจด้านโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล กล่าวว่า ภูมิคุ้มกันหมู่ที่เกิดจากการติดเชื้อจำนวนมากนั้นเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้มีสิ่งใดๆ จะรับประกันว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ดังนั้น จากประสบการณ์ที่ต้องรับมือการระบาดมาเป็นเววลา 2 ปี ในเรื่องนี้จึงต้องระวังเป็นอย่างมาก และที่ผ่านมาประชาชนอิสราเอลจำนวนไม่น้อยที่เคยติดเชื้อแล้วก็กลับมาติดซ้ำอีก

ในขณะเดียวกัน อีราน ซีกัล ที่ปรึกษาอีกคนของรัฐบาลอิสราเอลก็ได้ออกมาเตือนเช่นเดียวกันว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19ในประเทศจะทำให้ความสามารถในการตรวจหาเชื้อมีไม่เพียงพอ และส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ และก่อให้เกิดการระบาดต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะผู้คนไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ

“3 สัปดาห์ข้างหน้าที่จะถึง จะมียอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 2 – 3ล้านราย แต่ยอดผู้เจ็บป่วยและเสียชีวิตจะน้อยลงกว่าการระบาดระลอกที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทุกคนในเวลานี้ สามารถเป็นผู้แพร่เชื้อและสัมผัสต่อเชื้อได้ทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนในตอนนี้ต้องได้รับวัคซีน” อีราน ซีกัล กล่าว

สำหรับสถานการณ์ด้านการกระจายวัคซีน เวลานี้ประชากรอิสราเอลกว่าสองในสามได้รับวัคซีนครบสองโดสตามที่หน่วยงานสาธารณสุขแนะนำแล้ว และวัคซีนเข็มที่ 3 และ 4 ได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเข็มที่ 4 ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นบุคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุ

อ้างอิง
https://www.bbc.com/news/world-middle-east-59853772
https://www.bbc.com/news/57229390