ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หัวหน้าที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ระบุ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์เพื่อประเมินความรุนแรงของ โอมิครอน แม้ว่าจะมีข้อมูลว่าติดง่าย แต่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง


เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2564 “แอนโธนี เฟาซี” หัวหน้าที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่า โควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” จะไม่ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายอย่างที่ผ่านมา และจะมีอาการเจ็บป่วยน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม จะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ในการประเมินอีกครั้ง

เฟาซี กล่าวว่า สิ่งที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษนั้นมีอยู่ 3 ประเด็นหลัก คือความสามารถในการแพร่เชื้อ ความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและการติดเชื้อครั้งก่อนหน้า และอาการเจ็บป่วยที่ได้จากการรับเชื้อโอมิครอน

สำหรับเชื้อสายพันธุ์นี้มีความเป็นไปได้ที่จะแพร่กระจายได้มากกว่าสายพันธุ์อย่าง “เดลต้า” ซึ่งกำลังเป็นสายพันธุ์หลักที่กำลังแพร่อยู่ นอกจากนี้ข้อมูลจากทั่วโลกก็ได้บ่งชี้ว่า โอมิครอนมีโอกาสทำให้ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วมีโอกาสติดซ้ำได้อีกครั้ง

เฟาซี กล่าวอีกว่า ผลการทดลองที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันจะออกจากห้องทดลองอย่างเร็วที่สุด แต่เบื้องต้นนั้น อาการเจ็บป่วยจะไม่รุนแรงเทียบเท่าเดลต้า

“มีคำแนะนำจำนวนหนึ่งที่กล่าวว่ามัน (โอมิครอน) จะไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง เพราะถ้ามองไปที่สถิติในประเทศอัฟริกาใต้ จะเห็นว่าสัดส่วนของผู้ที่ติดเชื้อและต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลนั้นมีจำนวนน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้าเป็นอย่างมาก” เฟาซีกล่าว

อย่างไรก็ตาม อย่าพึ่งตีความข้อมูลเหล่านี้มากเกินไป เพราะว่าจากกลุ่มตัวอย่างนั้นเป็นกลุ่มที่มีอายุน้อยและมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลต่ำ อีกทั้งการติดเชื้อต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ในการแสดงอาการเจ็บป่วย

“ผมคิดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่จะได้ข้อมูลที่มีการยืนยันครบถ้วนจากอัฟริกาใต้ และอาจจะต้องรอให้มีการติดเชื้อในอีกหลายๆ ที่ทั่วโลกเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าอาการเจ็บป่วยมันจะรุนแรงถึงระดับไหน” เฟาซี กล่าว

เฟาซี ยังกล่าวอีกว่า ไวรัสที่แพร่ง่ายแต่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือนำไปสู่การเสียชีวิตนั้นเป็นแนวโน้มที่ดีของเรื่องนี้

“สิ่งที่จะแย่ก็คือถ้ามันไม่เพียงแต่แพร่ง่าย แต่สามารถก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้ นั่นจะกลายเป็นการระบาดระลอกใหม่ที่ทะลุทะลวงภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนหรือจากการติดเชื้อครั้งก่อน แต่ผมก็เชื่อว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามไม่มีทางรู้อยู่ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง” เฟาซีกล่าวทิ้งท้าย