ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลุ่มพีมูฟ ออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหาโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ หลังการดำเนินงานที่ผ่านมาล้มเหลว วอนดูแล เยียวยากลุ่มเปราะบาง-คนจน-กลุ่มชาติพันธุ์ ย้ำหากกู้วิกฤตไม่ได้นายกฯต้องลาออก


ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ ออกแถลงการณ์เรื่อง หยุดฆ่าประชาชนด้วยมาตรการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ที่ล้มเหลวไร้ประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 เพื่อส่งข้อเรียกร้องถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้แก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบุว่า การบริหารจัดการและมาตรการของรัฐในการป้องกัน ช่วยเหลือ เยียวยา ในช่วงที่ผ่านมานั้นล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ และสร้างความสับสนให้ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง และแสดงให้ถึงเห็นความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟ ประกอบด้วย 1. รัฐต้องมีมาตรการ “ตรวจเชิงรุก” เพื่อเร่งดำเนินการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะพื้นที่ของคนจนเมือง และกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นพื้นที่เปราะบาง และมีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที และลดอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว

2. รัฐบาลต้องทบทวนนโยบายการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิดที่ไม่มีคุณภาพและไม่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยให้เร่งจัดหาวัคซีนคุณภาพที่มีทั้งคุณสมบัติในการป้องกันความรุนแรงในระหว่างการติดเชื้อ และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ตามข้อบ่งชี้หรืออ้างอิงจากผลวิจัยทางการแพทย์ระดับโลกที่น่าเชื่อถือ และต้องจัดให้วัคซีนดังกล่าวเป็นสวัสดิการแห่งรัฐที่ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่ถูกเลือกปฏิบัติทั้งปวง

3. รัฐต้องเร่งเยียวยาแก้ไขเฉพาะหน้า ด้านการขาดแคลนอาหารและจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อในพื้นที่ชุมชนแออัด พื้นที่ชุมชนเมือง คนไร้บ้านในที่สาธารณะ และกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นพื้นที่เปราะบาง รวมทั้งต้องมีมาตรการช่วยเหลือคนจนกลุ่มเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มอาชีพอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากความมั่นคงหรือขาดอาหารโดยทันที

4. รัฐต้องมีมาตรการเยียวยาแบบถ้วนหน้า สำหรับประชาชนที่มีค่าเสียโอกาสจากมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 จากการบริหารจัดการที่ล้มเหลว รัฐต้องเยียวยาประชาชนที่มีอายุเกิน 18 ปี ด้วยเงินรายได้พื้นฐานถ้วนหน้าเดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ เราไม่เห็นด้วยกับโครงการต่างๆ และขอให้ทบทวนมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ไม่ทั่วถึงหรือประชาชนเข้าไม่ถึง และตัดโอกาสประชาชนกลุ่มเปราะบางไม่ให้สามารถเข้าถึงการเยียวยาได้

5. รัฐต้องลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของประชาชนทุกครัวเรือน เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าทางด่วน ค่าโดยสาร ค่าเช่า ค่าหน่วยกิต ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวควรครอบคลุมไปถึงผู้เช่าบ้าน รวมทั้งคนในชุมชนแออัดที่ใช้มิเตอร์ไฟฟ้าร่วมกัน ในกรณีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย รัฐต้องออกข้อกำหนดพิเศษห้ามการไล่-รื้อทุกประเภท ในกรณีที่ไม่มีค่าเช่าบ้านอันเกิดจากผลกระทบโควิด-19 รวมทั้งห้ามขับไล่ประชาชนออกจากที่ดินของรัฐ ในช่วงที่ไม่สามารถรวมตัวและร้องเรียนกับหน่วยงานดังเช่นสถานการณ์ปกติได้

แถลงการณ์ของพีมูฟ ระบุว่า เรากำลังเข้าสู่ช่วงสถานการณ์วิกฤต อันเป็นบททดสอบศักยภาพการบริหารงานของรัฐบาลอย่างชัดเจนที่สุด มาตรการช่วยเหลือเยียวยาตามข้อเรียกร้องของเราทั้งหมดนี้ รัฐบาลสามารถทำได้โดยใช้เงินภาษีของประชาชนทุกบาทอย่างคุ้มค่าและชาญฉลาด มีประสิทธิภาพและประชาชนเข้าถึงมากที่สุด เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ไม่ควรมีใครต้องตกหล่นจากกระบวนการเยียวยาที่เหลื่อมล้ำ

"หากรัฐบาลนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหา พาประชาชนข้ามพ้นวิกฤตนี้ไปได้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็หมดสิ้นซึ่งความชอบธรรมในการบริหารประเทศอย่างสมบูรณ์ นายกรัฐมนตรีควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้กลไกระบบรัฐสภา สรรหาบุคคลที่มีความสามารถและมาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศแก้ปัญหาวิกฤตต่อไป" ตอนท้ายของแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุ