ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ทำหนังสือถึง "บิ๊กตู่" จี้นำเข้า mRNA แทน Sinovac ชี้ป้องกันสายพันธุ์อินเดียไม่ดีเท่าที่ควร


สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ออกจดหมายเปิดผนึกเสนอ “บิ๊กตู่” นำเข้าวัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ มาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัท Sinovac

สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ออกจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 29 มิ.ย. 2564 ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศบค. โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA มาทดแทนวัคซีนเชื้อตาย Sinovac

ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มวัคซีน Sinovac น่าจะป้องกันโควิด-19 ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

“เร่งรัดจัดหาวัคซีนชนิดอื่น เช่น วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะ มาทดแทนวัคซีนชนิดเชื้อตายของบริษัท Sinovac ซึ่งในแผนการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มให้ครบ 150 ล้านโดสนั้น มีสัดส่วนของวัคซีนของบริษัท Sinovac ค่อนข้างมาก ทั้งที่มีแนวโน้มว่าวัคซีนนี้น่าจะป้องกันโควิด-19 ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

“ทั้งนี้ หากได้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นพาหะเพิ่มขึ้น โดยจัดหาวัคซีนชนิด mRNA มาในสัดส่วนที่มากที่สุด น่าจะเป็นผลดีต่อการควบคุมป้องกันโรคมากกว่า ทั้งนี้หากสามารถจัดหามาได้ในปริมาณมากตั้งแต่ก่อนสิ้นปีนี้ ยิ่งจะเป็นการดี” ตอนหนึ่งในจดหมายเปิดผนึก ระบุ

นอกจากนี้ จดหมายเปิดผนึกซึ่งลงนามโดย ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ยังระบุถึงเหตุผลที่ได้จัดทำข้อเสนอ โดยสรุปประเด็นสำคัญดังนี้

1. นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดว่าไวรัส “สายพันธุ์อินเดีย” จะกลายมาเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดกว้างขวางที่สุด และเป็นสายพันธุ์เด่นทั่วโลก

2. วัคซีนชนิดเชื้อตาย คือ Coronavac (Sinovac) นั้น ไม่มีข้อมูลเรื่องการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดีย เนื่องจากวัคซีนนี้ ไม่เคยมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบและรีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการ

3. ข้อมูลประสิทธิภาพของ Sinovac ในประเทศไทย เก็บในช่วงการระบาดของ “สายพันธุ์อังกฤษ” จึงยังไม่อาจนำข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีน มาใช้ในการพิจารณาจัดซื้อวัคซีนรุ่นถัดไป

4. ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีนควบคุมการระบาด ล้วนแต่ใช้วัคซีนชนิด mRNA และการเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วัน