ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองโฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมส่งมอบวัคซีนโควิด-19 AstraZeneca ให้ไทยรวม 1.05 ล้านโดส หนุนระบบสาธารณสุข-การแพทย์ของไทย ยื่นเงื่อนไขห้ามใช้เพื่อการทหาร ต้องเปิดเผยข้อมูลวัคซีนหากถูกร้องขอ


น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมอบวัคซีน Astrazeneca จำนวน 1.05 ล้านโดส ให้รัฐบาลไทย โดยจะมีการลงนามภายในบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยของรัฐบาลญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้มอบวัคซีนโควิด-19 ให้กับอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ด้วย โดยจะจัดส่งให้ช่วงต้นเดือน ก.ค. 2564 ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มอบวัคซีนให้ไต้หวันและเวียดนามแล้ว

พร้อมกันนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังมีมติเห็นชอบการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนการบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของฝ่ายไทย เพื่อรับมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จากรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน 1.05 ล้านโดส โดยสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระบุให้รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็น ดังนี้

1. นำวัคซีนโควิด-19 ไปใช้อย่างเหมาะสมและเป็นการเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านสาธารณสุขและการแพทย์ของไทย โดยห้ามใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการทหาร
2. รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ยกเว้นรัฐบาลของทั้งสองประเทศจะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ ซึ่งครั้งนี้ ไทยจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งจากญี่ปุ่น ประมาณ 10-99 ล้านเยน หรือ 2.9-28.7 ล้านบาท โดยกระทรวงสาธารณสุข มีงบประมาณรองรับส่วนนี้ไว้แล้ว
3. เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 เมื่อได้รับการร้องขอ
4. ไม่ส่งต่อวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคคล หน่วยงาน รัฐบาลอื่น โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นการล่วงหน้า
5. รายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ ข้อกำหนด และเงื่อนไขเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนจะจัดทำโดยหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลญี่ปุ่น คือ กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ และหน่วยงานผู้มีอำนาจของรัฐบาลไทย คือกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ที่รัฐบาลญี่ปุ่น จะส่งมอบให้รัฐบาลไทย มี 2 ประเภท ได้แก่ 1. ผลิตโดยใช้หัวเชื้อยาจากโรงงานบริษัท Catalent ของสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท KM Biologics Co., Ltd. ของญี่ปุ่นเป็นผู้ผสมและบรรจุวัคซีน 2. ผลิตโดยใช้หัวเชื้อยาจากโรงงานบริษัท Catalent ของสหรัฐอเมริกา โดยบริษัท Daiichi Sankyo Co., Ltd. ของญี่ปุ่นเป็นผู้ผสมและบรรจุวัคซีน