ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดเรื่องตรวจอาวุธก่อนเข้ารับบริการในโรงพยาบาล ตั้งเครื่องสแกน-ตั้งป้อมตำรวจ เพิ่มความอุ่นใจให้ประชาชน มองเหตุความรุนแรงในโรงพยาบาลไม่ควรเกิดขึ้น แนะ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง-ผู้บริการร่วมคิดหาทางออก 


..บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งถึงมาตรฐานความปลอดภัยโรงพยาบาล จากกรณีชายใช้อาวุปืนทำร้ายตัวเอง ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านโชคชัย 4 กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่เข้าไปใช้บริการ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ฉะนั้นโรงพยาบาลจึงควรมีมาตรการในการตรวจอาวุธเหมือนกรณีห้างสรรพสินค้า แม้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ก็ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ฉะนั้นคิดว่าควรมีความเข้มงวดจริงจังมากกว่านี้ และต้องมีกระบวนการจัดการที่ดีหากพบความผิดปกติ

น.ส.บุญยืน กล่าวว่า โรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญด้านการรักษา แต่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านการตรวจอาวุธ ส่วนตัวมองว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ควรต้องให้ความสำคัญกับโรงพยาบาลมากขึ้น ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลบางแห่งจะมีป้อมตำรวจขนาดเล็กตั้งอยู่ แต่เมื่อดูก็อาจจะไม่พบเจ้าหน้าที่ ทำให้มองว่าต้องมีความเข้มข้นขึ้น และต้องมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ตลอดเวลา

“เราคิดว่าตำรวจไปประจำที่ร้านทองที่มีคนมาใช้บริการน้อยกว่าโรงพยาบาลได้ ฉะนั้นการมาประจำที่โรงพยาบาลก็คิดว่าน่าจะมี เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ เราเสียบุคลากรไปกับร้านทองมาก แต่ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่มีตำรวจเข้าไปดูแล หรืออยู่ประจำการ ควรมีตำรวจมาประจำที่โรงพยาบาลด้วย” น.ส.บุญยืน กล่าว 

น.ส.บุญยืน กล่าวว่า โรงพยาบาลต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพราะประชาชนที่เจ็บป่วยไปโรงพยาบาลก็เพื่อต้องการความปลอดภัย ฉะนั้นควรต้องมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องความปลอดภัยมาอยู่ประจำ ซึ่งอาจไม่ใช่เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เพราะ รปภ. อาจจะไม่ได้ฝึกอบรมมาเพื่อระงับเหตุที่ใหญ่ ดังนั้นหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการประสานความร่วมมือกันด้วย

“ดิฉันมองในมุมมองของผู้บริโภคที่มองว่าไปที่นั่นต้องปลอดภัย แต่ก็คิดว่าผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องน่าจะมีมุมมองการป้องกันได้ดีกว่า ฉะนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องไปคิดกันว่าจะทำอย่างไรให้สถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลมีความปลอดภัย รวมไปถึง รมว.สาธารณสุข ก็อาจจะต้องคิดเรื่องนี้มากขึ้นด้วย” น.ส.บุญยืน ระบุ