ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทาเคดาและคาโอ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เปิดตัวโครงการ “Dengue-zero School Project โรงเรียนติด Guard ห่างไกลไข้เลือดออก” เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้และป้องกันไข้เลือดออกในชุมชน พร้อมเฟ้นหาสุดยอดโรงเรียนปลอดไข้เลือดออก


เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ระดับโลก และ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและธุรกิจเคมีภัณฑ์ชั้นนำ ภายใต้ความร่วมมือเพื่อสร้างความตระหนักรู้และการป้องกันโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย ผนึกกำลังพันธมิตรได้แก่ สำนักอนามัย และ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดโครงการ “Dengue-zero School Project โรงเรียนติด Guard ห่างไกลไข้เลือดออก” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคไข้เลือดออกที่เป็นหนึ่งในปัญหาด้านสาธารณสุขของประเทศ

สำหรับโครงการดังกล่าว จะนำร่องใน 10 โรงเรียนในเขต กทม. ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงจากโรคนี้ ซึ่งจะมีนักเรียนจำนวนกว่า 7,900 คนเข้าร่วม เพื่อเรียนรู้และรู้จักวิธีป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ และนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับที่บ้านและชุมชนของตนเอง อีกทั้งต่อยอดสู่การนำเสนอโครงการเข้าประกวด “สุดยอดโรงเรียนปลอดไข้เลือดออก” ที่สามารถควบคุมลดค่าร้อยละของภาชนะน้ำขังที่พบลูกน้ำยุงลายได้ต่ำที่สุด และจะได้รับถ้วยเกียรติยศ ประกาศนียบัตร และทุนการศึกษาสูงสุดมูลค่า 30,000 บาท

นายสุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สถานการณ์ของโรคไข้เลือดออกใน กทม. ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. 2566 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วจำนวนกว่า 1,600 ราย โดยผู้ป่วยจะอยู่ในช่วงอายุ 5-14 ปีมากที่สุด ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นสิ่งที่ทาง กทม. ให้ความสำคัญ โดยมีการดำเนินการให้ทั้งโรงเรียน สถานพยาบาล ชุมชนต่างๆ เฝ้าระวังพร้อมมาตรการจัดการลูกน้ำยุงลายที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของโรค

ทั้งนี้ โครงการ “Dengue-zero School Project โรงเรียนติด Guard ห่างไกลไข้เลือดออก” ที่ทางทาเคดาและคาโอ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนไปพร้อมกับ สำนักอนามัย และสำนักการศึกษา กทม. ที่จะส่งเสริมความรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั้งนักเรียนและคุณครู ช่วยกันสร้างชุมชนปลอดไข้เลือดออก ทาง กทม. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมจะสนับสนุนให้โครงการดังกล่าวให้บรรลุผลและเกิดประสิทธิผลอย่างสูงสุด

2

ขณะที่ นายปีเตอร์ สไตรเบิล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาเคดา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่การลงนามในความร่วมมือเพื่อสร้างความตระหนักรู้และการป้องกันโรคไข้เลือดออกในประเทศไทย พันธมิตรได้บรรลุเป้าประสงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องโรคไข้เลือดออกให้แก่ชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวนกว่า 1,000 คน ในเขตที่มีการระบาดของไข้เลือดออกสูง ผ่านกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้และการปฏิบัติจริงในการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

ในส่วนของโครงการฯ นี้ ได้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มนักเรียนซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจากการติดเชื้อไข้เลือดออก ในการทำความเข้าใจเรื่องโรคและการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปต่อยอดและถ่ายทอดสู่โรงเรียนและชุมชนเพื่อให้ปลอดภัยจากโรค โดยตั้งเป้าสนับสนุนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนที่มีการระบาดของไข้เลือดออกสูง พร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำเสนอโครงการในการป้องกันไข้เลือดออกอย่างยั่งยืน และมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกันทำงานกับ สำนักอนามัย และสำนักการศึกษา กทม. เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนปลอดไข้เลือดออก

ด้าน นายยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่แพร่พันธุ์โดยยุงลาย และสร้างภาระทั้งทางด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โครงการฯ นี้จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของคาโอและพันธมิตร ในการสร้างความตระหนักรู้และป้องกันโรคไข้เลือดออก รวมทั้งปกป้องอนาคตของเด็กไทยให้ปลอดภัยจากไข้เลือดออก จึงต้องขอขอบคุณพันธมิตรจากทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำงานเพื่อยกระดับและการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก โดยรู้สึกภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้

ขณะเดียวกันเพื่อนำร่องโครงการฯ นี้ พันธมิตรได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะมอบความรู้ความเข้าใจกับน้องๆ นักเรียน และคุณครูกว่า 7,900 คน จาก 10 โรงเรียนนำร่องในเขตพื้นที่ กทม. เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก รวมถึงวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคไข้เลือดออกผ่านการควบคุมประชากรของลูกน้ำและยุงลาย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา การป้องกันและการควบคุมไข้เลือดออกในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยต่อจากนี้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้ฝึกทักษะและใช้ความคิดในเชิงบูรณาการในการควบคุมปริมาณของลูกน้ำและยุงลาย เพื่อนำเสนอโครงการเข้าประกวดเฟ้นหา “สุดยอดโรงเรียนปลอดไข้เลือดออก” ต่อไป