ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค พยากรณ์โรครายสัปดาห์ 29 พ.ค.-4 มิ.ย. 2565 คาดอาจพบผู้ป่วยโรคโตสไปโรสิสหรือโรคไข้ฉี่หนูเพิ่มขึ้นจากน้ำท่วมขัง-พื้นดินเปียกชื้นบางพื้นที่ แนะเลี่ยงเดินลุยน้ำ-ชำระร่างกายให้สะอาด-ทำความสะอาดบ้าน-กินอาหารปรุงสุก


กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 พ.ค. – 4 มิ.ย. 2565 ซึ่งคาดว่าในช่วงนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค. 2565 จะมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้สภาพพื้นดินเปียกชื้นหรือน้ำท่วมขังบางพื้นที่

ขณะเดียวกัน เชื้อก่อโรคซึ่งพบอยู่ในปัสสาวะของหนูรวมถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ เช่น สุนัข แมว โค แพะ แกะ มักจะปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำขัง พื้นดินที่เปียกชื้น ทำให้ประชาชนอาจได้รับเชื้อโรคดังกล่าวจากการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานานได้ โดยเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยขีดข่วน รอยถลอกตามผิวหนัง เยื่อบุตา จมูก ปาก หรือการไชเข้าทางผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังอาจติดต่อได้จากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค พบว่าสถานการณ์ของโรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 22 พ.ค. 2565 พบผู้ป่วย จำนวน 356 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต

นอกจากนี้ กลุ่มที่พบว่าเสียชีวิตมากที่สุด คือกลุ่มอายุ 45-54 ปี (18.82%) รองลงมาคือกลุ่มอายุ 55-64 ปี (16.57%) และกลุ่มอายุ 35-44 ปี (16.01%) ตามลำดับ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร และอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 ดันแรก คือ จังหวัดระนอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดพังงา จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา

อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคขอแนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคไข้ฉี่หนู ดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำหรือทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด ควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงมือยาง และกรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้แผลสัมผัสน้ำโดยตรง

 2. หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ พร้อมทั้งอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ  3. หมั่นทำความสะอาดบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้สะอาดไม่มีหนูชุกชุม และ 4 .รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาดก่อนนำมารับประทาน 

อนึ่ง หากมีอาการป่วยด้วยไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น ตาแดง ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422