ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.ขยายเวลา "หน่วยบริการ-โรงพยาบาล" พิสูจน์ตัวตนผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อยืนยันสิทธิเข้ารับบริการ HI-CI เพิ่มจาก 1 วัน เป็นภายใน 5 วัน หลังได้รับแจ้งอุปสรรคจากสถานการณ์ภาคใต้ มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก-มีปัญหาการเชื่อมต่อ


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่ สปสช. ได้แจ้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขกรณีบริการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ในการดูแลที่บ้าน (Home Isolation: HI) หรือที่ชุมชน (Community Isolation: CI) โดยหน่วยบริการในระบบบัตรทองจะต้องดำเนินการ "พิสูจน์ตัวตนผู้ป่วย" เพื่อยืนยันการใช้สิทธิในการเข้ารับบริการ หรือการขอรหัสเข้ารับบริการ (Authentication Code) ตามแนวทางที่ สปสช.กำหนด เพื่อกให้ารเบิกจ่ายได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และป้องกันการสวมสิทธิ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้ ทำให้ สปสช.ได้รับแจ้งจากหน่วยบริการว่าประสบปัญหาในการดำเนินการพิสูจน์ตัวตนของผู้ป่วย เพื่อยืนยันสิทธิในการเข้ารับบริการ ทั้งจากปัญหาสัญญาณเชื่อมต่อระบบออนไลน์ การไม่มีสมาร์ทโฟนในการลงทะเบียน เป็นต้น ทำให้หน่วยบริการไม่สามารถดำเนินการพิสูจน์ตัวตนให้กับผู้ติดเชื้อ ที่จะเข้าสู่ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบ HI หรือ CI ได้ทันเวลา

นพ.จเด็จ กล่าวว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สปสช.จึงได้ทำการขยายเวลา ให้หน่วยบริการดำเนินการพิสูจน์ตัวตนผู้ป่วยโควิด-19 หรือการขอ Authentication Code เพื่อยืนยันการใช้สิทธิของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารับบริการในระบบการดูแลที่บ้านและในชุมชนได้ จากเดิมภายใน 1 วัน เป็นภายใน 5 วัน นับตั้งแต่วันแรกรับดูแลรักษาผู้ป่วย

"สปสช.ได้ทำหนังสือ ที่ สปสช 6.70/ว6857 ลงวันที่ 1 พ.ย. 2564 แจ้งไปยังผู้อำนวยการหน่วยบริการในระบบบัตรทองทั่วประเทศ และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการ สปสช. ทั้ง 13 เขตแล้ว เพื่อเป็นการสนับสนุนหน่วยบริการในการร่วมดูแลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโควิด-19" นพ.จเด็จ กล่าว