ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมบัญชีกลาง ตรวจพบความผิดปกติจากการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสิทธิสวัสดิการ ผู้ใช้สิทธิเพียง 24 ราย เบิกยารวมมูลค่า 15.8 ล้านบาท


นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 เม.ย.2564 ตอนหนึ่งว่า กรมบัญชีกลางได้ตรวจพบผู้ใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ (ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว) จำนวน 24 ราย มีพฤติกรรมเบิกจ่ายผิดปกติ อาทิ เข้ารับบริการในสถานพยาบาลหลายแห่งในเวลาใกล้เคียงกัน เข้ารับบริการเกิน 3 สถานพยาบาลต่อเดือนด้วยโรคเดียวกัน และรับยาประเภทเดียวกัน โดยมีปริมาณยาสะสมจำนวนมาก คิดเป็นเงินจำนวน 15.8 ล้านบาท

นายประภาศ กล่าวว่า กรมบัญชีกลางได้ดำเนินการระงับสิทธิของบุคคลดังกล่าวทุกรายโดยทันที และเพื่อควบคุมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง จึงกำหนดหลักเกณฑ์กระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิและการเรียกคืนเงิน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2564

ทั้งนี้ บุคคลที่เป็นผู้ป่วยนอกและได้รับยาประเภทเดียวกันจนมีปริมาณยาสะสมเป็นจำนวนมาก เกินขนาดที่ให้ผลการรักษาในแต่ละโรค (Therapeutic Dose) หรือเกินกว่าจำนวนที่กรมบัญชีกลางกำหนด จะถือเป็นการใช้สิทธิเพื่อเบิกค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิ มีพฤติกรรมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงผิดปกติ

“กรมบัญชีกลางจะระงับสิทธิการเบิกจ่ายตรงทันที และหากเข้าข่ายทุจริตหรือการกระทำความผิดทางอาญา หน่วยงานต้นสังกัดต้องดำเนินการทางวินัยหรือตามขั้นตอนของกฎหมาย และเรียกคืนเงินจากผู้มีสิทธิส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน แต่หากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าเป็นการทุจริต กรมบัญชีกลางจะอนุญาตให้สามารถใช้สิทธิในระบบเบิกจ่ายตรงประเภทผู้ป่วยนอก ณ สถานพยาบาลของทางราชการเพียง 1 แห่ง เพื่อเป็นการควบคุมพฤติกรรม” นายประภาศ กล่าว

สำหรับสถานพยาบาลของทางราชการ หากพบว่าเบิกจ่ายโดยไม่ปรากฏข้อมูลในเอกสารว่ามีผู้มารับบริการจริง ส่วนราชการต้นสังกัดต้องดำเนินการตรวจสอบ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมทุจริต ส่วนราชการต้นสังกัดต้องดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และเรียกคืนเงินจากสถานพยาบาลของทางราชการแห่งนั้น

“ส่วนราชการต้นสังกัดมีหน้าที่ติดตามเรียกคืนเงินที่เบิกเกินสิทธิจากผู้มีสิทธิ และนำเงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน หากไม่สามารถเรียกคืนเงิน ต้องมีการบังคับชำระหนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แล้วนำเงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน” นายประภาศ กล่าว