ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายภาคประชาชนรวมตัวเรียกร้อง ผบ.ตร. จี้ใช้กฎหมายสถานหนักกรณีคนเมายิงตำรวจเสียชีวิต-หลังเตือนห้ามดื่มเหล้าในปั๊ม วอนสั่งสอนมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง


เครือข่ายภาคประชาชนกว่า 10 คน รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีสถานหนักกับผู้ก่อเหตุและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีวัยรุ่นชักปืนยิงตำรวจเสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน จ.สุพรรณบุรี เหตุเข้าไปตักเตือนห้ามปรามกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังตั้งวงดื่มเหล้าและเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งได้ปรากฏเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจและอยู่ในความสนใจของประชาชนไปแล้วก่อนหน้านี้

สำหรับเครือข่ายภาคประชาชนที่ประกอบด้วย เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา ได้มีข้อเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีสถานหนักกับผู้ก่อเหตุ และผู้ที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ทุกราย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้เฝ้าระวัง และป้องกันปัญหาที่เกิดจากการที่คนเมาออกมาอาละวาด หรือการขายเหล้าให้กับคนเมาครองสติไม่ได้ จนทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เสียชีวิต ให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในสังคม เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีข่าวคนเมาครองสติไม่ได้ ก่อเหตุแทบทุกวัน ทั้งอาละวาดทำร้ายร่างกายพนักงานร้านค้าร้านสะดวกซื้อ ทำลายข้าวของ เพราะไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้นอกเวลาขาย ไม่ขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ หรือกินดื่มในสถานที่ห้ามแล้วเมาอาละวาด

"จึงใคร่ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างกลไกในการดูแลรับแจ้งเหตุช่วยเหลืออย่างทันเวลา จากพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายดังกล่าวมิใช่แค่การว่ากล่าวตักเตือน และขอให้ประชาชนที่พบเห็นอย่าเพิกเฉย ช่วยกันแจ้งระงับแหตุก่อนเหตุการณ์บานปลาย" ข้อเรียกร้องของเครือข่ายตอนหนึ่ง ระบุ

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายยังประกาศสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเต็มที่ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายในการป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ลดผลกระทบทางสังคมและคุ้มครองสุขภาพประชาชน และขอให้กำลังใจตำรวจผู้บังคับใช้กฎหมายรวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกัน ทางเครือข่ายยังได้แสดงความเสียใจและขอให้กำลังใจกับครอบครัวของนายตำรวจที่เสียชีวิต และขอมอบเงินจำนวน 15,000 บาท ซึ่งมาจากการระดมของภาคีเครือข่ายที่ทำงานลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อมอบให้กับทางครอบครัวผู้สูญเสียผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว เป็นกรณีของ "ร.ต.ต.ชาญวิทย์ ดิษฐ์เจริญ" อายุ 53 ปี หรือ หมวดโย่ง รอง สว.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ที่ได้เข้าไปตักเตือนห้ามปรามกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคนทั้งชายและหญิง ซึ่งกำลังตั้งวงดื่มเหล้าและเปิดเพลงเสียงดังในสถานีบริการน้ำมัน จนสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มวัยรุ่น จึงชักปืนออกมายิงตำรวจจนเสียชีวิต

นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ระบุไว้ชัดเจนเรื่องสถานที่ห้ามขายห้ามดื่ม อาทิ วัด สถานศึกษา สถานที่ราชการ รวมถึงสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดวันเวลาขาย การห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ ฯลฯ

"คนเมาที่ขาดสติเหล่านั้นอาจเกิดความไม่พอใจ กลายเป็นปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของสุจริตชน อีกทั้งในกรณีนี้ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอีกหลายมาตราเพราะเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานเสียชีวิตด้วย" นายณัฐพงศ์ ระบุ

ขณะที่ นายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า การดื่มแล้วก่อเหตุถือเป็นอาญากร ถือเป็นพฤติกรรมที่อันตราย ซึ่งขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเตือนยังอุกอาจไม่เกรงกลัว หากประชาชนเข้าไปเตือนแล้วอะไรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าเมาแล้วไปขับรถบนท้องถนน จะเกิดความสูญเสียต่อผู้ร่วมทางได้มากมายเพียงใด

"อย่าลืมว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาจากอาการเมาของคนดื่ม ทั้งอุบัติเหตุเจ็บตาย อาชญากรรม ละเมิดทางเพศ ยิ่งในปั๊มน้ำมันห้ามขายห้ามดื่ม แต่พฤติกรรมสวนทางกับกฎหมายที่มีอยู่ พอสร่างเมาอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้ากฎหมายจะแรงขึ้น คุณจะมาโทษไม่ได้ เพราะคุณเองที่ทำให้กฎหมายต้องแรงขึ้น" นายเจษฎา กล่าว