ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"อนุทิน" ย้ำเหตุผล "ท้องถิ่น-เอกชน" จัดซื้อวัคซีนเองไม่ได้ เหตุนำมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน-ต้องขายให้รัฐบาลเท่านั้น


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) มีหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ให้ประชาสัมพันธ์แก่ภาคเอกชน หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ว่าในระยะแรกจะมีเพียงภาครัฐเท่านั้นที่สามารถจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ได้ เป็นเรื่องของความชัดเจน และอาจทำให้เกิดความไม่เข้าใจในวงกว้าง

นายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 ทุกยี่ห้อขณะนี้ ถูกยอมให้นำออกมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเนื่องจากการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลศึกษาวิจัยในระยะที่ 3 คือการใช้ในมนุษย์ แม้จะพบว่าไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์เกินกว่าที่จะรับได้ และเมื่อมีการฉีดไปแล้วผู้ที่ติดเชื้อจะไม่ทวีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือไม่ถึงขั้นเข้าไอซียู หากแต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าวัคซีนที่ฉีดไปแล้วจะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้หรือไม่

"การแพร่เชื้อยังคงเกิดขึ้นได้ หรืออาจมีฤทธิ์น้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีการศึกษาใดที่ระบุได้ว่าเมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว จะไม่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยังจะต้องคงมีการศึกษาต่อไป ดังนั้นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องขายให้กับรัฐบาลเท่านั้น โดยรัฐบาลต้องออกใบรับรอง ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินและมีเงื่อนไข" นายอนุทิน ระบุ

นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของการขึ้นทะเบียนวัคซีนนั้น มีการคัดกรองจากเอกสารข้อมูลที่ผู้ผลิตได้ส่งมา มีการเทียบมาตรฐาน และเมื่อวัคซีนมาถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็จะต้องนำวัคซีนไปตรวจสอบว่าทุกอย่างว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยดูเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดก่อน ไม่ได้หมายความว่าเมื่อมาถึงแล้วจะนำมาฉีดเลย

"เรื่องวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ฉะนั้นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือข้อมูลไม่พอ แต่มีสื่ออยู่ในมือ แล้วใช้สื่อพูดออกไป จะทำให้ประชาชนสับสนอลหม่านเป็นจำนวนมาก จึงขอความเห็นใจ เพราะตอนนี้ความสำเร็จรออยู่เบื้องหน้า หากเอาปัญหามาขวางอย่างนี้ก็ไม่จบ เราทำดีที่สุดอยู่แล้ว ไม่มีหมอคนไหนที่จะเอาของไม่ดีมาให้คนไข้" นายอนุทิน ระบุ