ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘รพ.นพรัตนราชธานี’ พัฒนา ‘ระบบการป้องกันผื่นแพ้ยารุนแรง’ ด้วยการตรวจวินิจฉัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ - ใช้ฐานข้อมูลทางด้านเภสัชพันธุศาสตร์ สู่การให้บริการในระบบสาธารณสุขช่วยลดข้อจำกัดเดิมเพื่อป้องกันผู้ป่วยแพ้ยารุนแรง 


นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีเคยพบผู้ป่วยที่มีการแพ้ยารุนแรง โดยเฉพาะยารักษาโรคเกาต์ ชื่อ allopurinol กับ ยากันชัก ชื่อ carbamazepine ข้อมูลย้อนหลังระหว่างปี 2544 – 2557 พบคนไข้แพ้ยารุนแรงทั้งหมด 20 ราย โรงพยาบาลจึงได้พัฒนาระบบการป้องกันผื่นแพ้ยารุนแรงด้วยการตรวจวินิจฉัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ 

นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์

ทั้งนี้ เมื่อแพทย์เริ่มสั่งใช้ยาครั้งแรกจะมีการแจ้งเตือนในระบบฐานข้อมูลของโรงพยาบาล (Health Information System หรือ HIS) เพื่อให้เภสัชกรได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยในกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงเกิดผื่นแพ้ยารุนแรง ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจยีนแพ้ยาก่อนเริ่มยา โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีได้ส่งตรวจวินิจฉัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ทั้งสิ้น 1,879 ราย ทำให้ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ที่เริ่มยา allopurinol และ carbamazepine เกิดการแพ้ยาอย่างรุนแรงอีกเลย 

ภก.วีรพัชร  พานทอง

ภก.วีรพัชร  พานทอง เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี  กล่าวเพิ่มเติมว่า เดิมข้อมูลการตรวจยีนแพ้ยาจะนำมาใช้ได้จำกัดเฉพาะในโรงพยาบาลที่ส่งตรวจ และเภสัชกรจะออกบัตรเตือนเรื่องยาว่าผู้ป่วยมีผลตรวจยีนแพ้ยาในรายที่ผลเป็นบวกให้แก่ผู้ป่วย แต่ปัญหา คือผู้ป่วยอาจไม่ได้พกบัตรติดตัวหรือทำหาย 

ดังนั้นจึงไม่มีข้อมูลไว้แจ้งบุคลากรการแพทย์เมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น แต่หากนำแพลตฟอร์มผูกพันธุ์เข้ามาใช้ จะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลผลตรวจยีนแพ้ยาได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายการตรวจซ้ำและการเจ็บตัวจากการเจาะเลือด และไม่ต้องกังวลกรณีผู้ป่วยไม่พกหรือทำบัตรเตือนเรื่องยาหาย สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http:phukphan.dmsc.moph.go.th และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 14 แห่งทั่วประเทศ