ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ทุกเครือข่าย” พร้อมใช้งานภายใน 8 ม.ค. 2567 นี้ ยืนยันขับเคลื่อนสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 80% นำร่อง 4 จังหวัด 


เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2566 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ (ซุปเปอร์บอร์ดระบบสุขภาพ) กำชับการทำงาน และยินดีความสำเร็จในการนำร่องนโยบายยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ซึ่งจะเปิดให้ประชาชน “ใช้บัตรประชาชนใบเดียว” เข้ารับการรักษาได้ในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยจะเริ่มใช้งานในวันที่ 8 ม.ค. 2567 นี้ ซึ่งได้คัดเลือก 4 จังหวัดนำร่องแล้ว ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการให้บริการที่จะเริ่มนำร่อง ตามมติของซุปเปอร์บอร์ดระบบสุขภาพ มีทั้งหมด 5 บริการ ประกอบด้วย 1. การใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการรับบริการได้ทุกที่ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ การเขียนใบส่งตัวจึงไม่จำเป็น ซึ่งขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของระบบข้อมูล และคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็ว ๆ นี้ 

2. การรักษามะเร็งครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเด็ก การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หากตรวจพบก็จะถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาต่อไป 3.การเข้าถึงบริการในเขตเมือง โดยเฉพาะ กทม. โดยได้ทยอยเพิ่มหน่วยบริการ เช่น แขวงทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง ซึ่งเป็นจุดที่หน่วยบริการยังมีน้อย รวมทั้งการประสานร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเชิญเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการมากขึ้น ทั้งร้านยา แลปเอกชน คลินิกทันตกรรม คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกพยาบาล  

4. สถานชีวาภิบาล หรือการดูแลระยะสุดท้าย ซึ่งเดิมจะดูแลในโรงพยาบาล แต่พบว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ประสงค์อยากกลับไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งการดูแลระยะท้ายจะต้องดูแลโดยมีหลักวิชาการ ทั้งด้านแพทยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยจะบูรณาการความร่วมมือทั้งหน่วยงานทางสังคม เช่น วัดในชุมชน ร่วมกับโรงพยาบาล และ 5. การดูแลสุขภาพจิต ซึ่งจะมีการพัฒนาและขับเคลื่อนลงไปในระดับชุมชน ขณะเดียวกัน สปสช. มีสายด่วน 1330 อยู่เดิม ซึ่งเป็นตัวกลางในการประสานงาน รวมทั้งมีช่องทางเฟสบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และ Line OA สปสช. 

ทั้งนี้ ความคืบหน้าการทำงานทั้งหมดนี้คืบหน้าแล้วกว่า 80% หลังจากทดลองระบบในรอบแรก และจะมีการทดลองระบบเป็นระยะๆ อีกครั้งในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 2566 ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงระยะที่ 2 เพื่อให้จังหวัดอื่นๆ ได้ทดลองใช้บริการ โดยผลจากการนำร่องของ 4 จังหวัดแรก ได้สะท้อนข้อมูลจากของประชาชนที่มาใช้บริการ อาทิ ความสะดวกของประชาชน พฤติกรรม และค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้การนำร่องในระยะที่ 2 มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

นายชัย กล่าวต่อไปว่า ซึ่งซุปเปอร์บอร์ดระบบสุขภาพคาดว่า ระบบข้อมูลทั้งระบบต้องเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 ปี โดยจะเกิดการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้รอยต่อทุกสังกัด บัตรประชาชนใบเดียวสามารถรักษาได้ทุกที่และทั่วประเทศ ขณะที่สิทธิการรักษาอื่น ๆ  ทั้งประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ จะมีการหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และกรมบัญชีกลางให้พิจารณาต่อไป

“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับระบบการดูแลด้านสุขภาพเพื่อประชาชนทุกคน เชื่อว่าหลักประกันสุขภาพเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน และต้องการบริหาร พัฒนาการบริการให้มีศักยภาพมากขึ้น ครอบคลุม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวแต่สามารถรักษาทุกโรค โดยนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าจะพัฒนานโยบายนี้ให้สำเร็จต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวไทย” นายชัย กล่าว