ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ. เผยแพร่แนวทางคำแนะนำการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงวันที่ 2 ต.ค. 2566 โดยกำหนดให้ใช้ ‘ฟาวิพิราเวียร์’ แทนได้ ถ้า ‘โอเซลทามิวเวียร์’ หมดหรือไม่สามารถใช้ได้ แต่สำหรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงเท่านั้น 


กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยแพร่แนวทางคำแนะนำการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงวันที่ 2 ต.ค. 2566 ที่จัดทำโดยคณะทำงานด้านการรักษาพยาบาล สธ. ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ 

สำหรับสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ใช้ ฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาอันดับรอง (second-line) สำหรับรักษาเฉพาะได้ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาอันดับหลัก (first-line) หรือ โอเซลทามิเวียร์ โดยให้ใช้กับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่อาการไม่รุนแรงเท่านั้น

2

ทั้งนี้ ขนาดและคำแนะนำในการให้ยาฟาวิพิราเวียร์  สำหรับรักษาไข้หวัดใหญ่ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ มีดังนี้ ในผู้ใหญ่ ให้ใช้ฟาวิพิราเวียร์ 200 มก./เม็ด วันที่ 1 ให้ยา 8 เม็ด (1,600 มก.) จำนวนวันละ 2 ครั้ง ส่วนวันที่ 2-5 ให้ยา 3 เม็ด (600 มก.) จำนวนวันละ 2 ครั้ง ซึ่งจะมีผลช่วยลดอาการที่ไม่สบายของผู้ป่วยกลุ่มที่มีอาการเล็กน้อยได้ค่อนข้างดี ส่วนของเด็ก วันที่ 1 ให้ใช้ 70 มก./วัน จำนวนวันละ 2 ครั้ง และวันที่ 2-5 ให้ใช้ 30 มก./วัน จำนวนวันละ 2 ครั้ง 

อย่างไรก็ดี ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ 1. มีโอกาสเกิด teratogenic effect ไม่ควรให้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร 2. อาจเพิ่มระดับ uric acid เมื่อใช้ร่วมกับ pyrazinamide 3. ระวัง hypoglycemia เมื่อใช้ร่วมกับ repaglinide หรือ pioglitazone 4. ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ไม่ต้องปรับขนาดยา แต่ผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องในระดับปานกลางถึงรุนแรง ให้ปรับลดขนาดยาเหลือ 800 มก. จำนวนวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 วัน แล้วตามด้วย 400 มก. วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 2 วัน

1

2