ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายผู้ป่วยหนุนบำนาญประชาชน แต่ต้องมีหลักเกณฑ์คัดกรองช่วยเหลือคนที่ลำบากจริงๆ เผยตัวเลขเหมาะสมควรอยู่ที่ 5,000 บาท/เดือน ให้ครอบคลุมค่าน้ำ-ค่าไฟ


นายเอกวัฒน์ สุวันทโรจน์ ประธานชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ The Coverage ถึงประเด็นที่แต่ละพรรคการเมืองกำลังหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีการชูแคมเปญบำนาญประชาชน หรือบำนาญผู้สูงอายุในการหาเสียงอย่างจริงจังว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำให้เกิดรัฐสวัสดิการในรูปแบบบำนาญประชาชน หรือบำนาญผู้สูงอายุ ทั้งงบประมาณ รายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดเก็บภาษี ซึ่งหากรัฐบาลบริหารได้ดี ปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และเพิ่มเติมงบประมาณเพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ก็เชื่อว่าบำนาญประชาชนจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้

อีกทั้ง ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัยไปแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดังนั้น นโยบายบำนาญประชาชนจากการหาเสียงครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตามองของภาคประชาชนอย่างมาก เพราะจะสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตในช่วงที่ต้องเป็นผู้สูงอายุ

"ปัจจุบันระบบบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุได้ช่วยผู้ป่วย รวมถึงส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงวัยรัฐบาลทำได้อย่างดีแล้ว และที่สำคัญคือเป็นระบบบริการสุขภาพที่ไม่มีค่าใช้จ่ายจากสิทธิบัตรทอง ทำให้ประชาชนคลายความกังวลว่าจะต้องล้มละลายเพราะการเจ็บป่วยไปได้ แต่ยังมีความกังวลในเรื่องความเป็นอยู่ ซึ่งหากมีบำนาญประชาชนเกิดขึ้น ก็จะช่วยผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่ไปกับการมีสุขภาพดีได้" นายเอกวัฒน์ กล่าว

ประธานชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า สำหรับค่าครองชีพที่เป็นบำนาญประชาชน มองว่าในปัจจุบันควรได้มากกว่า 3,000 บาท/คน/เดือน เพราะด้วยจำนวนเงินนี้ยังไม่สามารถช่วยให้อยู่ได้ในชีวิตประจำวัน เพราะผู้สูงอายุเองก็ยังต้องมีค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งส่วนตัวคิดว่า บำนาญประชาชนควรอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท/คน/เดือน

นอกจากนี้ บำนาญประชาชนยังควรต้องมีระบบคัดกรอง และมีเกณฑ์การให้บำนาญสำหรับประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือจริงๆ เช่น อาจพิจารณาจากการถือครองที่ดิน หรือพิจารณาจากการจัดเก็บภาษีส่วนบุคคล เพราะในสังคมผู้สูงอายุในประเทศไทย ก็มีกลุ่มคนบางส่วนที่อยู่ได้จากเงินเกษียณ หรือการเก็บออมมาโดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ อีกทั้ง การคัดกรองและกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับบำนาญประชาชน จะช่วยให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือกลุ่มคนที่ต้องการอย่างตรงเป้า และช่วยให้การจัดสรรบำนาญประชาชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น