ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายมะเร็ง สะท้อนความเห็น หากรัฐบาลทำบำนาญประชาชน ชี้ควรกระตุ้นคนไทย โดยเฉพาะวัย 40-50 ปีออมเงินมากขึ้นคู่ไปด้วย เชื่อช่วยให้ปลายทางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


น.ส.ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เปิดเผยกับ The Coverage ถึงประเด็นที่แต่ละพรรคการเมืองกำลังหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีการชูประเด็นบำนาญผู้สูงอายุ หรือบำนาญประชาชนมาเป็นแคมเปญ ว่า ถือเป็นจังหวะที่ดี และเป็นก้าวสำคัญที่สังคมได้เห็นว่า ภาคการเมืองโฟกัสกับเรื่องสวัสดิการคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกับเรื่องบำนาญประชาชน

ทั้งนี้ หากบำนาญประชาชนเกิดขึ้นจริง ส่วนตัวคิดว่าตัวเลขที่เหมาะสมที่จะเป็นบำนาญรายเดือนให้ประชาชน ก็ควรเหมาะสมกับค่าครองชีพในปัจจุบัน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมไปยังระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ของประชาชน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรจะต้องเพิ่มองค์ความรู้กับประชาชาชน โดยเฉพาะช่วงอายุ 40-50 ปีที่กำลังก้าวสู่การเป็นผู้สูงอายุ ได้เตรียมพร้อมด้านการเงิน รวมถึงสร้างระบบการออมเงินที่มีประสิทธิภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย และมีมาตราการกระตุ้น จูงใจ และสนับสนุนให้ประชาชนเกิดการออมเงิน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยั่งยืนทางระบบมากกว่าการจัดสรรบำนาญประชาชนเพียงอย่างเดียว

น.ส.ศิรินทิพย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อจัดทำบำนาญประชาชน รัฐบาลอาจบริหารภาษีที่จัดเก็บได้ในปัจจุบันอย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดความงอกเงย รวมถึงยังมีภาษีและรายได้อีกหลายส่วนที่น่าจะนำมาจัดสรรได้เช่นกัน เช่น ภาษีสุรา รายได้กองสลาก เป็นต้น รวมถึงมีการออกพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นการลงทุนทำให้เกิดมีงบประมาณเพื่อจัดสรรบำนาญประชาชน

"แต่ยังเห็นควรว่าต้องส่งเสริมเรื่องการออมควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาคนไทยไม่ได้ถูกปลูกฝัง หรือการให้ความรู้ด้านการออมเงินว่าควรทำอย่างไร หรือแม้แต่การทำประกันก็ยังมีสัดส่วนน้อยด้วย ดังนั้น หากรัฐบาลกระตุ้นการออม ควบคู่ไปกับการทำบำนาญประชาชน ก็เชื่อว่าจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนเมื่อเข้าสู่ช่วงสูงอายุดีขึ้น"  ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าว