ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565 ถึงการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ค. นี้ ภายหลังผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำว่าจะเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 1 พ.ค. นี้หรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ใช่สิ วันที่ 1 พ.ค.นี้ ก็เราปรับมาจากเดิมเดือน มิ.ย.”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่าจะเริ่มเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ค. นี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ใช่ครับๆ”

ผู้สื่อข่าวถามอีกถึงการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ พูดแค่ว่าเราจะมีมาตรการในการปลดล็อกทั่วประเทศอย่างไร สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่เป็นเวลานานจะต้องทำอย่างไรบ้าง หรืออยู่แค่ 1-2 วัน จะทำอย่างไร

ทางด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบปรับมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ โดยไม่ต้องมีการ Test & Go แต่จะปรับวิธีการเข้าประเทศเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ผู้ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์จะต้องลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาสเพื่อแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน ต้องมีวงเงินประกันจำนวน 1 หมื่นดอลลาร์ เมื่อเดินทางมาถึงไทยไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพียงแต่แนะนำให้ตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ด้วยตัวเองระหว่างพำนัก ถ้าติดเชื้อให้เข้ารักษาตามที่มีประกัน

2. กรณีไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับไม่ครบเกณฑ์ สามารถยื่นหลักฐานตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงประเทศไทย และลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์พาสก็สามารถเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทยได้ มีวงเงินประกัน 1 หมื่นดอลลาร์เช่นเดียวกับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบเกณฑ แต่กรณีไม่ได้ตรวจ RT-PCR มาก่อน ต้องกักตัวในสถานกักตัวใน AQ โดยตรวจ RT-PCR วันที่ 4-5 และแนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเองระหว่างพำนัก ขณะที่ผู้ที่เดินทางมาทางบก อนุญาตเดินทางเข้าประเทศเฉพาะจุดผ่านแดนถาวรเท่านั้น โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบเกณฑ์แล้ว สามารถแสดงหลักฐานและเข้าประเทศได้ ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือได้วัคซีนไม่ครบ ให้กักตัวที่ SQ จำนวน 5 วัน

ทั้งนี้ จะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวในวันที่ 1 พ.ค. 2565