ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ครม.เห็นชอบเพิ่มเงินบำเหน็จชราภาพกว่า 1.9 พันล้านบาท ให้ผู้ประกันตนมาตรา 33-39 ชดเชยช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ เดือน ม.ค.-มี.ค. 64 รวมผู้ได้รับประโยชน์กว่า 5.9 ล้านคน


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2565 มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นการเฉพาะ ในช่วงที่มีการลดเงินสมทบ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อกำหนดอัตราการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ งวดเดือน ม.ค. - มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เสนอให้มีการจ่ายเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบ งวดเดือน ม.ค. 2564 โดยให้คำนวณจากอัตราเงินสมทบเพิ่มขึ้นอีก 0.45% ของค่าจ้าง

พร้อมกันนี้ มติที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบให้สำนักงานประกันสังคม จ่ายบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบในช่วงที่มีการลดเงินสมทบงวดเดือน ก.พ. - มี.ค. 2564 โดยให้คำนวณจากอัตราเงินสมทบเพิ่มขึ้นอีก 1.3% ของค่าจ้างอีกด้วย

ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า การเพิ่มเงินบำเหน็จชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนที่นำส่งเงินสมทบในช่วงที่มีการลดอัตราเงินสมทบในช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. 2564 ที่ผ่านมานั้น ผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์จำนวน 5.9 ล้านคน

ทั้งนี้ แบ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 5.1 ล้านคน ได้เงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นคนละ 347 บาท จำนวน 3 งวด และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 8.4 แสนคน ได้เงินบำเหน็จชราภาพเพิ่มขึ้นคนละ 146 บาท จำนวน 3 งวด โดยประมาณการเงินบำเหน็จชราภาพที่ผู้ประกันตนจะได้รับเพิ่มทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 รวมเป็นเงิน 1,906 ล้านบาท

"นโยบายดังกล่าวเพื่อให้ผู้ประกันตน สามารถนำเงินบำเหน็จชราภาพที่เพิ่มขึ้นไปใช้จ่ายเพื่อยังชีพในยามชรา และเป็นการบรรเทาปัญหาทางการเงินของผู้ประกันตนให้ตรงจุดและทันท่วงที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง" นายบุญสงค์ ระบุ