ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยคิดค้นฉีดวัคซีนสูตรไขว้ "ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า" เพื่อสู้สายพันธุ์เดลตา ยันภูมิขึ้นสูง-ปลอดภัย ฉีดไปแล้วกว่า 1.5 ล้านโดส แจงเหตุซื้อซิโนแวคเพิ่ม เพื่อเป็นเข็ม 1 ทำให้ฉีดเข็ม 2 ได้รวดเร็วขึ้น ครอบคลุมผู้ที่ได้รับวัคซีนอีกเท่าตัว 


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า วัคซีนโควิด-19 ทุกชนิดในโลกตั้งต้นมาจากสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่ไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลาเป็นสายพันธุ์จี อัลฟา เบตา จนปัจจุบันในไทยพบเป็นสายพันธุ์เดลตา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญวิจัยติดตามภูมิคุ้มกันจากวัคซีน นำมาสู่การบริหารจัดการฉีดสูตรไขว้ซิโนแวคเป็นเข็มแรก ตามด้วย
แอสตร้าเซนเนก้า

ทั้งนี้ พบว่ามีประสิทธิผลเทียบเท่าฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม แต่สามารถฉีดได้รวดเร็วและครอบคลุม 2 เท่า รวมทั้งแผนฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ในผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มโดยใช้วัคซีนต่างชนิดกัน จำนวน 3 ล้านคน โดยงานวิจัยดังกล่าวทางกรมฯ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อยู่ระหว่างการเสนอตีพิมพ์ ซึ่งกระบวนการใช้เวลานานในสถานการณ์เร่งด่วนและฉุกเฉิน ไม่สามารถรอตีพิมพ์ก่อนแล้วมาบริหารจัดการได้

"วัคซีนสูตรไขว้ฉีดแล้วกว่า 1.5 ล้านคน มีความปลอดภัย ขออย่าพูดอะไรที่ทำให้ประชาชนสับสน ขณะนี้ไม่ได้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว แต่เป็นสูตรไขว้" นพ.ศุภกิจ กล่าว

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ดำเนินการภายใต้คณะกรรมการวิชาการจากทุกสาขา ซึ่งได้คิดค้น พัฒนา ปรับปรุง ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ดูแลบำบัดรักษาและให้วัคซีนครบวงจร โดยนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 ถึงปัจจุบัน มีการฉีดไปแล้ว 32 ล้านโดส เป็นไปตามแผนการจัดการวัคซีน

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ทั้งนี้เป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดและคุ้มค่าที่สุดภายใต้หลักฐานทางวิชาการที่ได้มีการวิจัย ทดลอง สังเกต นำมาประยุกต์ใช้ โดยวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า จะเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ฉีดให้กับประชาชน โดยยืนยันว่ามีความปลอดภัย

"ระยะต่อไปเมื่อมีวัคซีนเข้ามามากขึ้น ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดิร์นนา ซิโนฟาร์ม จะหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนให้ทันกับสถานการณ์สู้กับการกลายพันธุ์ของไวรัสเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน" นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้ใหม่ทั้งตัวเชื้อและวัคซีนเปลี่ยนตลอดเวลา จึงต้องปรับให้ทันสถานการณ์เพื่อประโยชน์ของคนไทย โดยสายพันธุ์เดลตาประสิทธิภาพวัคซีนลดลงทุกตัว แต่ยังป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จึงต้องเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีนที่มีจำกัด

ดังนั้น คณะผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านโรคติดเชื้อ ด้านวัคซีน และด้านระบาดวิทยา จึงได้ร่วมกันสรุปหาข้อวินิจฉัยโดยอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการที่ประเทศไทยมีและทั่วโลก ทั้งจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไบโอเทค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พบข้อมูลตรงกันว่าสูตรไขว้มีประโยชน์ โดยผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ถือว่ามีความรอบคอบรอบด้าน

ด้าน นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า รัฐบาลและ สธ. ให้ความสำคัญกับการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยได้ร่วมกับคณะแพทย์และคณะผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมกันกำหนดแนวทางการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอก 3 มีการกำหนดและปรับแนวทางการรักษาให้สอดคล้องกับสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการและผ่านการพิจารณาของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศปก.สธ.) เพื่อประกาศใช้ทั่วประเทศ

"ล่าสุดได้ปรับแนวทางให้ผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์เร็วขึ้น ในผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีอาการเล็กน้อยและกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่มีอาการ ทำให้ฟื้นตัวได้เร็วและได้นำไปใช้ใน HI/CI โดยกระจายยาไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ และยังให้ยาฟ้าทะลายโจรในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ และไม่มีโรคประจำตัวอีกด้วย" นพ.มานัส กล่าว