ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.แรงงาน แถลงชี้แจงการแก้ไขเพิ่มเติม "ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม" ยืนยันไม่ยกเลิกระบบการเลือกตั้งผู้แทนบอร์ดประกันสังคม เผยเป็นการเสนอกฎหมายเพื่อปรับสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องสภาพการณ์ปัจจุบัน


เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวชี้แจงการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยเฉพาะในประเด็นที่หลายฝ่ายมีความกังวลเกี่ยวกับที่มาของคณะกรรมการประกันสังคม ที่จะเป็นการยกเลิกระบบการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้าง และผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับนี้ มิได้เป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการเดิมที่กำหนดให้ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ต้องมาจากการเลือกตั้งแต่อย่างใด เนื่องจากร่าง พ.ร.บ. ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อกำหนดให้วิธีการได้มาของคณะกรรมการประกันสังคม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีเจตนาเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่มีเหตุสุดวิสัย เช่น กรณีที่มีโรคระบาด หรือเกิดภัยพิบัติอันอาจกระทบการเลือกตั้งฯ

1

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ได้กำหนดให้ออกเป็นประกาศกระทรวงในการกำหนดวิธีการได้มาซึ่งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน โดยประกาศกระทรวงนั้นจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณา และให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการประกันสังคม ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม ที่กำหนดให้คณะกรรมการประกันสังคมมีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีในการออกกฎหมายและระเบียบ ก่อนที่จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ จึงจะออกประกาศฯ

"กระทรวงแรงงานจึงขอยืนยันว่า หลักการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนยังคงมีอยู่เช่นเดิม ขอให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจว่า สำนักงานประกันสังคมดำเนินงาน โดยผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุดเป็นสำคัญ" นายพิพัฒน์ ระบุ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของหลักการในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม เนื่องด้วยกฎหมายประกันสังคมที่ใช้บังคับในปัจจุบัน มีบทบัญญัติบางประการที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ยังคงส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของผู้ประกันตนในการดำรงชีพ

ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนมีหลักประกันทางสังคม และได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสังคมที่มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการผลักดันและการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ตั้งแต่ปี 2565 แต่มีการยุบสภา กฎหมายจึงตกไป

2

อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย 1. การขยายความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยการขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากเดิม 15-60 ปี เป็น 15-65 ปี, การให้ผู้ที่รับเงินบำนาญชราภาพสามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนต่อได้ โดยได้รับความคุ้มครองใน 3 กรณี คือ กรณีเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และกรณีตาย

2. การแก้ไขเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ โดยให้ผู้ประกันตนหญิงที่คลอดบุตรได้รับเงินสงเคราะห์กรณีคลอดบุตรเพิ่ม จากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน ซึ่งสอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ที่ให้ลูกจ้างหญิงสามารถลาคลอดได้เป็นระยะเวลา 98 วัน รวมถึง ผู้ทุพพลภาพได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เพิ่ม จากเดิม 50% เป็น 70%, เพิ่มความคุ้มครองกรณีสงเคราะห์บุตรในช่วง 6 เดือน ที่ผู้ประกันตนออกจากงาน, ผู้ประกันตนที่อายุไม่เกิน 60 ปี มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน

3. การปรับปรุงสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ มาตรการ 3 ขอ "ขอเลือก" ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน เมื่ออายุครบ 55 ปี สามารถเลือกรับเป็นเงินบำนาญ หรือเงินบำเหน็จได้ "ขอคืน" กรณีท้องที่หนึ่งท้องที่ใดเกิดพิบัติภัยอย่างร้ายแรงอันส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้ประกันตนหรือผู้ซึ่งมีเงินสมทบกรณีชราภาพ สามารถขอรับเงินชราภาพบางส่วนได้ "ขอกู้" ผู้ประกันตนที่มีเงินสมทบกรณีชราภาพ สามารถนำเงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินที่มีความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมได้ นอกจากนี้ยังให้ผู้รับเงินบำนาญชราภาพสามารถขอรับเงินบำนาญล่วงหน้าได้ไม่เกิน 60 เดือน