ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นายก สมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย ตั้งอนุกรรมการทำคู่มือยกระดับ รพ.สต.ถ่ายโอน หวังเป็นแพทเทิร์นกลางให้ อบจ.ไปพัฒนาบริการปฐมภูมิต่อ คาดใช้เวลา 3-4 เดือนคลอดเป็นรูปเล่ม พร้อมจับมือ สธ. เดินหน้าร่วมกัน เลิกขัดแย้ง-ตอบโต้


นายชูพงษ์ คำจวง นายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ "The Coverage" ถึงการประชุมสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย ที่จัดขึ้นเมื่อ 30-31 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้สมาคม อบจ.ฯ เตรียมจัดทำคู่มือการยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ถ่ายโอนให้ อบจ. โดยได้มีการจัดตั้งชุดคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้โดยเฉพาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ในคณะอนุกรรมการจัดทำคู่มือยกระดับ รพ.สต.ถ่ายโอน จะประกอบไปด้วยตัวแทนจาก 6 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่ม อบจ. ที่เชี่ยวชาญ และเคยมีประสบการณ์การทำงานด้านการแพทย์ และการสาธารณสุขในกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มาก่อน 2. กลุ่มองค์กรอิสระด้านสุขภาพ หรือกลุ่มตระกูล ส. 3. กลุ่ม 10 กรมในสังกัด สธ. 4. กลุ่มผู้ปฏฺิบัติงาน คือ ผู้บริหาร รพ.สต. รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานสิ่งแวดล้อม ของ อบจ. 5. กลุ่มภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องอุปกรณ์ นวัตกรรมบริการสุขภาพปฐมภูมิ และ 6. กลุ่มสมาคมวิชาชีพด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข

นายชูพงษ์ กล่าวอีกว่า คณะอนุกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่รวบรวมปัญหา อุปสรรค พร้อมทั้งข้อเสนอแนะวิธีการในการแก้ปัญหา และยกระดับศักยภาพ รพ.สต.ถ่ายโอนให้ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ โดยทำเป็นคู่มือกลางที่จะใช้เป็นแนวทางสำหรับให้ อบจ.แต่ละแห่งได้นำไปปฏิบัติ หรือต่อยอดพัฒนารพ.สต.ที่รับถ่ายโอนมาแล้วต่อไปได้ โดยคาดว่าตัวรูปเล่มจะแล้วเสร็จในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า หรือในช่วงเดือน พ.ค.2567 นี้

"ในคู่มือจะเป็นแนวทางกลางเกี่ยวกับการยกระดับ รพ.สต. ให้ได้มาตรฐาน และมีการจัดบริการปฐมภูมิที่ได้คุณภาพ รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขในพื้นที่อย่างครบถ้วน ทั้งในด้านงบประมาณ รวมถึงกรอบอัตรากำลังคนด้วย ซึ่งจะเป็นข้อมูลแกนกลางประมาณ 70% และที่เหลืออีก 30% จะเป็นตัวอย่าง และแนวคิดที่ อบจ.สามารถเอาไปต่อยอดและพัฒนาได้เองเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และตรงกับความต้องการทางสุขภาพของประชาชน" นายกสมาคม อบจ.ฯ กล่าว

นายชูพงษ์ กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่า หลังจากที่มีการถ่ายโอน รพ.สต.แล้วนั้น อบจ.ยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอในการบริหารจัดการสุขภาพปฐมภูมิ เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพและชีวิตของประชาชน แตกต่างจากการถ่ายโอนโรงเรียน หรือถ่ายโอนถนนให้ อบจ.รับผิดชอบ เนื่องจากสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก และ อบจ. ไม่อาจทำได้เองอย่างลำพัง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจาก สธ. และผู้เชี่ยวชาญให้เข้ามาช่วยกันยกระดับและสนับสนุนให้ อบจ.มีศักยภาพในการดูแลสุขภาพสำหรับประชาชนในชุมชนให้ได้

"การถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อบจ. แม้ว่าที่ผ่านมาอาจมีข้อติดขัดระหว่าง อบจ. และ สธ.อยู่บ้าง แต่ก็เป็นในส่วนของรายละเอียดที่ต้องแก้กันไป แต่เมื่อถ่ายโอนมาแล้ว แน่นอนว่าเราก็ต้องมาช่วยกันยกระดับ รพ.สต.ให้ดีขึ้น ต่อไป อบจ. กับ สธ. จะไม่มีความขัดแย้ง หรือมีการให้ข่าวตอบโต้กันไปมาเรื่องการถ่ายโอนอีก แต่จะเน้นที่การจับมือกันทำงาน เพราะเรามองเป้าหมายเดียวกัน คือการทำให้ประชาชนตั้งแต่ระดับชุมชนมีสุขภาพดีอย่างทุกมิติ ผ่านกลไกการให้บริการปฐมภูมิที่ รพ.สต.จัดให้อย่างมีคุณภาพ" นายกสมาคม อบจ.ฯ กล่าวตอนท้าย