ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.นนทบุรี ประสานงานช่วยเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ได้รับการผ่าตัดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แนะผู้มีสิทธิบัตรทองหากรับบริการแล้วโดนโรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน ให้โทรแจ้งสายด่วน 1330 ในทันที


นางจินตนา กวาวปัญญา ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนตามมาตรา 50(5) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเด็กอายุ 7 ขวบ ช่วยแม่ประกาศขายบ้านในแอปพลิเคชันติ๊กต็อกเพื่อจะนำเงินไปจ่ายเป็นค่าผ่าตัดโรคปากแหว่งเพดานโหว่ จึงได้ติดต่อสอบถามข้อมูลและประสานความช่วยเหลือจนเด็กได้รับการผ่าตัดจนสำเร็จโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

นางจินตนา กล่าวว่า เคสดังกล่าว เบื้องต้นได้รับข้อมูลเพียงว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง แต่ไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้ต้องเริ่มจากการโทรหานายหน้าที่ทำหน้าที่ขายบ้านให้ โดยแจ้งว่ามาจากศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง ต้องการขอหมายเลขโทรศัพท์ของแม่เด็กเพื่อสอบถามข้อมูลและประสานงานการผ่าตัดให้ จนในที่สุดนายหน้าก็ยินยอมให้เบอร์โทรศัพท์มา ขั้นต่อไปจึงได้โทรสอบถามแม่ของเด็กและส่งทีมงานลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน จึงได้ทราบว่าเด็กคนนี้มีนัดผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่ที่โรงเรียนแพทย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง และแพทย์แจ้งให้เตรียมเงินส่วนเกินไป 15,000 บาท โดยแจ้งว่าเป็นค่าเครื่องมือพิเศษสำหรับผ่าตัด

นางจินตนา กล่าวอีกว่า ทีมงานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.นนทบุรี ได้ขอเลขที่บัตรประชาชนของเด็ก เพื่อจะได้นำมาตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลว่าเป็นสิทธิอะไรและมีหน่วยบริการประจำอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ดี เนื่องจากเคสนี้ถูกเผยแพร่ในสื่อออนไลน์และมีรายการทีวีแห่งหนึ่งเชิญไปให้ข่าวและรับปากจะช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการผ่าตัดให้ เบื้องต้นแม่ของเด็กจึงปฏิเสธไม่ต้องการรับความช่วยเหลืออีก ต่อมาตนได้โทรติดต่อแม่ของเด็กอีกครั้งจนได้ทราบว่าทีมงานของรายการทีวีห้ามไม่ให้บอกข้อมูลแก่ทีมงานของศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทองเพราะเกรงว่าจะเป็นมิจฉาชีพ แม่ของเด็กจึงไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ ให้ดูเพียงใบนัดของแพทย์ที่บอกว่านัดผ่าตัดวันไหน แพทย์เจ้าของไข้ชื่ออะไร โดยสรุปแล้ว ทีมของศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.นนทบุรี จึงไม่สามารถตรวจสอบสิทธิให้แก่เด็กคนนี้ได้

อย่างไรก็ดี ศูนย์คุ้มครองสิทธิฯได้รายงานข้อมูลไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 4 สระบุรี (สปสช.เขต 4 สระบุรี)และ สปสช.เขต 4 สระบุรี ประสานงานสอบถามข้อมูลไปยังโรงพยาบาลโดยตรง จึงได้ทราบว่าเด็กคนนี้อยู่ในโครงการยิ้มสวยเสียงใสของ สปสช. และค่าใช้จ่ายส่วนเกินจะเก็บจากโครงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสของโรงพยาบาลแห่งนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่แต่อย่างใด

"เมื่อได้ข้อมูลแล้ว จึงติดต่อไปยังแม่ของเด็กอีกครั้งว่าเราตรวจสอบข้อมูลให้แล้ว ทางคุณแม่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เขาก็ไว้ใจเรามากขึ้นขึ้น ตอนหลังก็คุยกันตลอด จนตอนนี้เด็กได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว"นางจินตนา กล่าว

นางจินตนา กล่าวอีกว่า กรณีที่เกิดขึ้นเนื่องจากแพทย์แจ้งให้แม่เด็กเตรียมเงินส่วนเกินไป 15,000 บาท ซึ่งด้วยความที่ไม่มีเงินจึงทำให้แม่ของเด็กเกิดความกังวลใจ ที่ผ่านมาศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทองพบเจอกรณีที่โรงพยาบาลเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมแบบนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งเมื่อประสานงานกับโรงพยาบาลก็ได้รับคำตอบว่าเป็นความเข้าใจผิด ดังนั้นขอแนะนำว่าหากผู้มีสิทธิบัตรทองไปรับบริการแล้วถูกเรียกเก็บเงิน ให้สอบถามแพทย์หรือเจ้าหน้าที่การเงิน ณ จุดนั้นก่อนว่าเป็นค่าใช้จ่ายอะไร และโทรเข้าสายด่วน 1330 ของ สปสช. เพื่อประสานงานทันที เพราะโดยหลักการแล้วผู้มีสิทธิบัตรทองไม่ควรถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติมจากการเข้ารับบริการนั่นเอง