ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปมรายชื่อบุคลากรถ่ายโอนไม่ตรง ‘สมศักดิ์’ เคลียร์นอกรอบไม่จบ กลุ่มที่จะถ่ายโอนไป รพ.สต. ที่ถ่ายโอนปีงบฯ 2566 ได้ไปแน่นอน ส่วนกลุ่ม 5 หน่วยงานต้องรอ อ.ก.พ.สธ. พิจารณา


จากกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ได้นัดหมายหารือนอกรอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั้งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) สำนักงบประมาณ คณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนในขณะนี้ โดยเฉพาะประเด็นรายชื่อบุคลากรถ่ายโอนที่ไม่ตรงกันระหว่าง สธ. กับ สถ. จำนวน 1,012 คน

ล่าสุด แหล่งข่าวในการหารือดังกล่าว เปิดเผยกับ “The Coverage” ว่า ได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ตกลงร่วมกัน ในประเด็นรายชื่อบุคลากรถ่ายโอนกลุ่มที่ไม่ตรงกัน ‘กลุ่มเดียว’ คือ บุคลากรจาก รพ.สต. ที่ประสงค์ถ่ายโอนไป รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปเมื่อปีงบฯ 2566 ส่วนกลุ่มบุคลากรถ่ายโอนที่มาจาก 5 หน่วยงาน (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน) ต้องรอความชัดเจนจาก อ.ก.พ.สธ. อีกครั้ง โดยนายสมศักดิ์ ในฐานะประธาน ก.ก.ถ. ได้เป็นผู้ทำข้อตกลงและตัดสินใจ ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามกระบวนการที่ตกลงร่วมกัน

ทั้งนี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ในบุคลากรกลุ่มที่ถ่ายโอนไป รพ.สต. ที่ถ่ายโอนไปปีงบฯ 2566 ที่ สธ. มีความเห็นว่ากลุ่มนี้ จะต้องใช้สิทธิโอนย้าย ไม่ใช่ถ่ายโอน ซึ่งทางคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ ได้ชี้แจงว่าถ้าให้ใช้สิทธิโอนย้าย กลุ่มนี้จะต้องใช้งบประมาณจาก อบจ. ซึ่งผิดเจตนารมณ์กฎหมายการกระจายอำนาจที่ระบุไว้ว่า ไม่ต้องการให้ อบจ. ใช้งบฯ เรื่องบุคลากรในส่วนโอนย้าย เพราะถ้าจะเกินตามที่กำหนดไว้ในการบริหารงานบุคคลมาตรา 35 ที่ระบุไว้ว่าห้ามเกิน 40% 

อย่างไรก็ดี ที่สุดแล้ว นายสมศักดิ์ เห็นด้วยกับข้อชี้แจงของคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ และในที่ประชุมหารือนอกรอบก็ได้ยอมรับกัน โดยตกลงและยืนยันให้บุคลากรกลุ่มนี้ได้ถ่ายโอน ซึ่งทาง สธ. จะดำเนินการส่งไปยัง อ.ก.พ.สธ. เพื่อรับทราบอีกครั้ง

ส่วนบุคลากรกลุ่ม 5 หน่วยงาน ที่มีจำนวนประมาณ 138 คน ซึ่งทาง สธ. อธิบายว่าการถ่ายโอนของบุคลากรกลุ่มนี้ไม่ได้ตรงตามภารกิจ เพราะตำแหน่งเดิมบุคลากรกลุ่มนี้อยู่ในสถานพยาบาลระดับทุติยภูมิ แต่ รพ.สต. เป็นระดับปฐมภูมิ รวมถึงจะทำให้เกิดผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนใน 5 หน่วยงานที่ให้บุคลากรถ่ายโอนไป 

ขณะที่ทางคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ โต้แย้งว่า ในการถ่ายโอนได้มีการให้ผู้บังคับบัญชาใน 5 หน่วยงานเป็นผู้ตัดสินใจว่าถ้าให้บุคลากรจากหน่วยงานตนถ่ายโอนไป จะเกิดผลกระทบหรือไม่ ซึ่งผู้บริหารทั้ง 5 หน่วยงานในฐานะผุ้บังคับบัญชาก็ได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว จึงมีการทำหนังสือออกมา

ดังนั้น นายสมศักดิ์ ซึ่งเข้าใจว่าหากดำเนินไปในแนวทางปัจจุบัน ทาง สธ. อาจจะไม่สบายใจ จึงจะมีการออกมติจาก ก.ก.ถ. ให้ชัดเจนว่าให้กลุ่มบุคลากร 5 หน่วยงาน ซึ่งตรงตามเกณฑ์ ได้สิทธิ์ในการถ่ายโอน โดยจะมีการเร่งให้เปิดประชุม ก.ก.ถ. ด่วนภายใน 3 สัปดาห์หลังจากนี้ หรือก็คือราว กลางเดือน พ.ย. 2566 หลังจากนั้นจะให้ สธ. ส่งไปยัง อ.ก.พ.สธ. เพื่อพิจารณาใหม่อีกครั้งว่าให้ไปหรือไม่ไป

แหล่งข่าว กล่าวต่อไปว่า สำหรับระหว่างนี้ที่ยังต้องรอจนกว่ากระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสิ้น บุคลากรถ่ายโอนจะไปปฏิบัติงานที่ใด ระหว่าง สธ. หรือ อบจ. เป็นสิทธิของบุคลากรถ่ายโอน หากสบายใจจะอยู่ สธ. ให้ อบจ. ทำบันทึกหนังสือยินยอมให้ไปปฏิบัติงานที่ สธ. แต่ต้องมีหลักฐานว่าทำงานจริง  แต่ถ้าใครสมัครใจปฏิบัติงานต่อที่ อบจ. ก็สามารถทำได้ เป็นสิทธิตามมติคณอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ ซึ่งความชัดเจนจะเป็นอย่างไร จะมีผลย้อนไปถึงวันที่ 2 ต.ค. 2566 

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ในประเด็นเงินเดือนที่สำนักงบประมาณมีแนวทางให้บุคลากรถ่ายโอนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่กลุ่มไหน รายชื่อตรงหรือไม่ จะต้องได้เงินเดือน และทาง สธ. บอกว่ากลุ่มที่รายชื่อ 1,012 คน ยังไม่ผ่าน อ.ก.พ.สธ. ฉะนั้น สธ. จึงตั้งฎีกาจ่ายเงินเดือนกลุ่มไว้แล้ว ซึ่งตรงนี้จะไม่เกิดการจ่ายซ้ำซ้อนกัน เพราะในกลุ่ม 1,012 คนจะได้รับเงินเดือนจาก สธ. ไปก่อนในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจน และทาง อบจ. ก็มีรายชื่อกลุ่มนี้อยู่แล้ว ก็จะไม่จ่ายให้

ทว่า ไม่ว่าใครจะจ่ายก็ตาม ทางคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ ได้มีการย้ำกับสำนักงบฯ ว่าบุคลากรทุกคนเป็นบุคลากรถ่ายโอนทั้งหมดเริ่มตั้งแต่ 2 ต.ค. 2566 เป็นต้นมา ซึ่งต้องมาดูอีกทีว่ากระบวนการของสำนักงบฯ จะสามารถดำเนินการไปตามแนวทางนี้ได้หรือไม่

“เข้าใจว่าการหารือนี้น่าจะมีทิศทางที่คืบหน้าชัดเจนมากขึ้น ซึ่งทางท่านรองสมศักดิ์ ก็ได้บอกว่า เรื่อง อ.ก.พ.สธ. ที่ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน เดี๋ยวจะไปคุยกับหมอชลน่านให้” แหล่งข่าว ระบุ