ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รพ.สต.ถ่ายโอนจังหวัดนำร่อง '30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว' ลุยยืนยันตัวตนสิทธิบัตรทองผ่านแอปฯ 'หมอพร้อม' หนุน สธ.เดินหน้าโครงการ ยันไม่ใช่ภาระงาน เพราะลงพื้นที่ดูแลประชาชนตามปกติอยู่แล้ว แต่หากอยากให้งานเร็ว ต้องแก้เรื่องอินเทอร์เน็ต  


นางเดือนเพ็ญ พันธุ์พาณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านข่าใหญ่ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็น รพ.สต. ที่ถ่ายโอนให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด (อบจ.ร้อยเอ็ด) เปิดกับ "The Coverage" ถึงความพร้อมในการดูแลประชาชนตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันกำลังเดินหน้ายืนยันตัวตนประชาชนที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) เพื่อให้เข้าสู่ระบบหมอพร้อม ตามคำสั่งของสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ที่ได้ทำความร่วมมือกับ อบจ. ไว้ก่อนหน้านี้

1

ทั้งนี้ ทราบมาว่าเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในด้านการบันทึกข้อมูลสุขภาพ ก่อนที่จะไปรับบริการสุขภาพตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว จะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนยันตัวตนที่สถานพยาบาลต่างๆ อีก 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการเตรียมการ รพ.สต.ที่ถ่ายโอนให้ อบจ.ร้อยเอ็ด จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล รวมถึงประโยชน์ ข้อดีและข้อเสียจากโครงการ โดยลงพื้นที่ไปร่วมกันกับ สสอ. ในพื้นที่ และในช่วงท้ายของการเตรียมการก่อนเปิดโครงการ สสอ. จึงมาให้ รพ.สต. ได้เข้ามาช่วยยืนยันตัวตนกับประชาชน 

4

4

"สสอ.ให้ รพ.สต. เป็นแอดมินในระบบการยืนยันตัวตนได้ และให้ไปลงพื้นที่เพื่อยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ หมอพร้อมอย่างเดียว ไม่มีแบบอื่น แต่เรา (รพ.สต.) ไปยืนยันตัวตนให้เฉพาะแค่คนที่ไม่เคยมีแอปฯ หมอพร้อม หรือเคยมีแต่ไม่เคยลงทะเบียน หรือลบแอปฯ ออกไปจากมือถือ รวมถึงไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ยืนยันตัวตนมาก่อนเท่านั้น ส่วนคนที่เคยยืนยันตัวตนมาแล้วก็ไม่ต้องทำใหม่ โดยเราก็จะเข้าไปค้นหาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน อสม. เพื่อให้ประชาชนมายืนยันตัวตน" ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านข่าใหญ่ จ.ร้อยเอ็ด กล่าว 

นางเดือนเพ็ญ กล่าวอีกว่า ในการยืนยันตัวตนจะเน้นการครอบคลุมประชาชนในแต่ละชุมชนให้ได้มากที่สุด แม้ว่าบางคน หรือบางครอบครัวอาจไม่มีสมาร์ทโฟนใช้ หรือบางบ้านมีแค่ 1 เครื่องก็ต้องใช้เบอร์โทรเบอร์เดียวกันทั้งหมดเพื่อยืนยันตัวตนให้ได้ ส่วนใครที่ไม่มีมือถือก็ต้องใช้ของ อสม. ที่อยู่ในชุมชนไปก่อน 

4

อย่างไรก็ตาม ในส่วน รพ.สต. ไม่ถือว่าหน้าที่ดังกล่าวเป็นภาระงาน หรือเป็นการเพิ่มเติมงานให้กับ รพ.สต.ที่ถ่ายโอนให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่มองว่าเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศให้เดินหน้า อีกทั้ง รพ.สต.ก็ลงพื้นที่ไปทำงานเชิงรุกในการดูแลสุขภาพปฐมภูมิให้กับชุมชนอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มงานการยืนยันตัวตนเข้ามาเสริมด้วย แต่จะมีปัญหาบ้างในการลงพื้นที่เพื่อยืนยันตัวตน โดยเฉพาะสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ทำให้การยืนยันตัวตนล่าช้า ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนก็จะช่วยได้มาก และอาจทำให้การยืนยันตัวตนตามนโยบายของรัฐบาลทำได้ครอบคลุมมากขึ้น 

"ตอนนี้เราก็ยังไปยืนยันตัวตนอยู่ แต่หลังจากคิกออฟไปแล้ว ประชาชนก็เริ่มมาที่ รพ.สต. เพื่อขอยืนยันตัวตนมากขึ้นแล้ว และมาสอบถามเกี่ยวกับโครงการ โดยส่วนใหญ่มาถามว่า โครงการนี้จะให้ประโยชน์อะไรบ้าง และไปหาหมอฟันที่คลินิกได้หรือไม่ เป็นต้น ซึ่งก็เป็นโอกาสดี ที่ รพ.สต.ก็ได้อธิบาย และแนะนำโครงการกับประชาชนไปในตัว" นางเดือนเพ็ญ กล่าว 

4

ด้าน ผู้อำนวยการ รพ.สต.แห่งหนึ่งในจ.แพร่ (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) ซึ่งเป็น รพ.สต.ที่ถ่ายโอนให้ อบจ.แพร่เช่นกัน กล่าวว่า ก็เข้าไปร่วมกับ สสอ. ในพื้นที่เพื่อไปยืนยันตัวตนให้กับประชาชนสิทธิบัตรทอง โดยเน้นเฉพาะคนที่ไม่เคยยืนยันตัวตนในการเข้ารับบริการผ่านแอปฯ หมอพร้อมมาก่อน ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด ทราบว่ามีการยืนยันตัวตนไปแล้วประมาณ 50% 

"คนที่เคยยืนยันตัวตนไปแล้ว และมีประวัติอยู่ในแอปฯ หมอพร้อม ก็ไม่ต้องมายืนยันตัวตนอีก แต่คนที่ไม่เคยทำมาก่อน เจ้าหน้าที่ก็จะไปค้นหาและประชาสัมพันธ์เพื่อให้มายืนยันตัวตน" ผู้อำนวยการ รพ.สต. กล่าว 

ผู้อำนวยการ รพ.สต.คนเดิม กล่าวย้ำด้วยว่า การยืนยันตัวตนเป็นความร่วมมือระหว่าง สสอ. และท้องถิ่น ร่วมกันดำเนินการ โดยยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ หมอพร้อม ซึ่งไม่ใช่การเพิ่มภาระงานแต่อย่างใด เพราะตามปกติแล้ว รพ.สต. ก็ลงพื้นที่เพื่อไปแนะนำเรื่องสุขภาพกับประชาชน รวมถึงไปให้บริการปฐมภูมิอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแค่เพิ่มเติมงานการยืนยันตัวตนเข้าไปเท่านั้น