ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นพ.เจตน์ เสนอรองนายกฯ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' ตั้งอนุกรรมการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ใหม่ ย้ำต้องเป็นคนที่คุยกับ สธ. รู้เรื่องเพื่อให้การถ่ายโอนราบรื่น ส่วนบุคลากรไปแล้วร้องขอกลับ ‘หมอชลน่าน’ ต้องช่วยเหลือ บอกแค่ไม่มีตำแหน่งให้ ถือว่าไม่เป็นธรรม 


นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข วุฒิสภา เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2566 ได้อภิปรายในรัฐสภาให้มีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบการถ่ายโอนภารกิจภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี (สอน.) ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยมีเหตุผลเพราะขณะนี้เริ่มปีงบประมาณ 2567 ไปแล้ว ก็ควรต้องเปลี่ยนตัวคณะทำงาน โดยเฉพาะคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านสาธารณสุขให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 

2

ทั้งนี้ ได้เสนอให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นประธานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) และเพิ่งเข้ามาทำหน้าที่นี้ ได้ใช้โอกาสนี้คัดเลือกหรือแต่งตั้งบุคคลทำงานที่เหมาะสม เพื่อให้ภารกิจถ่ายโอนเป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะการตั้งคณะทำงานที่สามารถประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ หรือเป็นคนที่สามารถพูดคุยปัญหาและร่วมกันแก้ไขกับ สธ. ได้อย่างรู้เรื่อง 

นพ.เจตน์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาการถ่ายโอนในขณะนี้เกิดขึ้นเพราะจากเดิมที่สำนักงบประมาณ จัดทำรายจ่ายงบประมาณประจำปี 2566 และระบุถึงงบประมาณสำหรับ รพ.สต. และ สอน. ที่ถ่ายโอน รวมแล้วมีทั้งหมด 512 แห่ง แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นพิจารณารายจ่ายประจำปี 2566 มีการแปรญัตติเพิ่มจำนวน รพ.สต. และ สอน. จากเดิม 512 แห่ง เป็น 3,263 แห่ง และให้ถ่ายโอนไปพร้อมกันในปีงบประมาณ 2566 นี้เลย 

ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าว ทำให้ รพ.สต. และ สอน. ที่เพิ่มเติมรายชื่อไม่ทันตั้งตัว และยังไม่มีความพร้อม รวมไปถึง อบจ.บางแห่ง ก็ยังไม่พร้อมจะรับถ่ายโอนเช่นกัน แต่ปรากฏว่ามีชื่อที่พร้อมถ่ายโอน จึงเกรงว่าการพิจารณาประเมินความพร้อม อาจทำได้ไม่ครอบคลุม และจะมีปัญหาตามมาในอนาคต 

"ยืนยันว่าเห็นด้วยกับการถ่ายโอน และการกระจายอำนาจ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ท้องถิ่นจะมีงบประมาณมากกว่า สธ. ในการดูแลประชาชน แต่การถ่ายโอนจะต้องรอบคอบ และมีความพร้อมจริงๆ โดยเฉพาะกับปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องถ่ายโอน ที่มีทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ไปโดยไม่สมัครใจ หรือไปเพราะตำแหน่ง สธ. เองก็ต้องวางแนวทางช่วยเหลือให้เป็นรูปธรรมด้วยเช่นกัน" นพ.เจตน์ กล่าว 

นพ.เจตน์ กล่าวด้วยว่า ในประเด็นที่บุคลากรที่ถ่ายโอนไปแล้วและได้ร้องขอกลับมานั้น ได้หารือกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ว่าต้องให้ความเป็นธรรมและหาทางช่วยเหลือบุคลากรเหล่านี้ จะบอกว่าไปแล้วตำแหน่งถูกตัด ไม่สามารถเอาตำแหน่งกลับมาได้ และต้องรอให้มีการเกษียณอายุราชการไปก่อน ถือว่าไม่เป็นธรรม และเป็นหน้าที่ของ นพ.ชลน่าน ที่ต้องช่วยเหลือ หรือหาทางเยียวยาให้ได้

อนึ่ง เมื่อวันที่ 2 ต.ค. นพ.เจตน์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า เมื่อเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ ก.ก.ถ. เพราะบางคนเกษียณ บางคนเปลี่ยนตำแหน่ง ก็ต้องล้างไพ่กันใหม่ แม้กระทั่งประธานอนุกรรมการบริหารภารกิจการถ่ายโอนฯ ก็ต้องเปลี่ยน โดย รมต.ช่วยประสานกับ ก.ก.ถ. หาคนที่เป็นมิตร ทำให้การถ่ายโอนราบรื่นและเป็นไปได้ ไม่ใช่ตั้งแง่เป็นศัตรูกัน ซึ่งตรงนี้จะทำให้การถ่ายโอนฯ เป็นไปตามเจตนารมณ์ ส่วนตัวสนับสนุนการถ่ายโอน แต่ให้ถ่ายโอนใน รพ.สต. ที่มีความพร้อม และไม่รีบเร่งรวบรัดเช่นนี้