ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองผู้ว่าฯ กทม. แจง ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนา รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน ให้เข้าเกณฑ์ที่ สปสช.กำหนด คาดอีก 1 ปี สามารถรับสิทธิบัตรทองได้


รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯ กทม.) ตอบข้อถามของประชาชนกรณีการให้บริการของโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน กทม. ที่ไม่เปิดรับสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งแตกต่างกับช่วงโควิด-19 ที่เคยเปิดให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับการรักษาได้

รศ.ดร.ทวิดา กล่าวว่า ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นการเปิดรับผู้ป่วยแบบเฉพาะกิจ แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ยังเปิดได้ไม่ครบตามเกณฑ์ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กำหนดไว้ จึงยังไม่ได้อนุมัติให้รับสิทธิบัตรทอง แต่สามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายของสำนักการแพทย์ได้

รศ.ดร.ทวิดา กล่าวอีกว่า เกณฑ์การเปิดรับสิทธิบัตรทองของ สปสช. กำหนดให้โรงพยาบาลต้องมีความพร้อมในการรับผู้ป่วยจำนวนมาก หากมีไม่ครบทุกแผนกอาจรับผู้ป่วยที่จะเข้ามาไม่ไหว และทางโรงพยาบาลกำลังเปิดแผนกดูแลฟื้นฟูผู้สูงอายุเพิ่มเติม เพื่อทำหน้าที่เป็นโรงพยาบาลเสริมช่วยดูแลผู้สูงอายุที่ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลต่างๆ รวมถึงร่วมมือกับโรงพยาบาลศิริราชในการรับสนับสนุนข้อมูลวิชาการด้านการดูแลผู้ป่วยสูงอายุด้วย

ทั้งนี้ ตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ต้องการให้มีการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง และใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ทุกโรงพยาบาลมีการพัฒนาเพื่อให้มีครบทุกแผนก โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ (มีศูนย์เฉพาะทาง โรงเรียนแพทย์)

อนึ่ง ปัจจุบันโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนกำลังอยู่ระหว่างพัฒนาคุณภาพด้านต่างๆ เพื่อให้เป็นศูนย์การรักษาเฉพาะโรค ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น ศูนย์โรคหัวใจ เน้นแพทย์สาขาศัลยศาสตร์โรคทรวงอก อายุรศาสตร์โรคหัวใจ อายุรศาสตร์ทางเดินหายใจ กุมารเวชศาสตร์ทางเดินหายใจ กุมารเวชศาสตร์โรคหัวใจ และ ศูนย์มะเร็ง เน้นแพทย์สาขารังสีรักษา รังสีวินิจฉัย เวชศาสตร์ นิวเคลียร์ สาขาพยาธิวิทยา กายวิภาค อายุรศาสตร์โรคเลือด รวมถึง ศูนย์อุบัติเหตุ เน้นแพทย์ในสาขาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ นิติเวช กุมารศัลยศาสตร์ และ ศูนย์ปลูกถ่าย อวัยวะ เป็นต้น

ทั้งนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 1 ปี เพื่อพัฒนาให้เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ สามารถรับผู้ป่วยที่ถือสิทธิบัตรทอง 30 บาท ตามเกณฑ์ของ สปสช.ได้