ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประเทศจีนได้เข้าสู่ช่วงใหม่ของการป้องกันและควบคุมโรคระบาด หลังจากที่ทางการจีนได้ประกาศลดระดับการจัดการโรคโควิด-19 โดยเปลี่ยนมาใช้มาตรการต่อต้านโรคติดเชื้อระดับบี (Class B) ขณะที่ผลการประชุมของคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 ระบุว่า ภาพรวมของการรับมือโรคระบาดทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี

2

สถานการณ์โควิด-19 ของจีนในปัจจุบัน

ข้อมูลล่าสุดจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน (China CDC) ระบุว่า ณ วันที่ 16 มี.ค. 2566 จำนวนผลการทดสอบกรดนิวคลีอิกเป็นบวกในประเทศจีนมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงต่ำกว่า 8,000 เคส เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว

อู๋ จุนโหยว (Wu Zunyou) หัวหน้านักระบาดวิทยาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือน มี.ค.ว่า ในประเทศจีน การติดเชื้อจากโรคระบาดยังคงเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นเป็นระยะๆ

อู๋ กล่าวว่า ไม่มีใครบอกได้ว่าท้ายที่สุดแล้วโควิด-19 จะจบลงอย่างไร ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะอยู่ร่วมกับมนุษย์โลกไปอีกนาน

จ้าน ชิงหยวน (Zhan Qingyuan) รองผู้อำนวยการแผนกโรคปอดและเวชบำบัดวิกฤตของโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น (China-Japan Friendship Hospital หรือ CJFH) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) ในทิศทางเดียวกัน เราอาจต้องใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสโคโรนาต่อไป เนื่องจากเราไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสทั้งหมดได้

เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีนได้ “ยุติลงแล้วโดยพื้นฐาน” ทางโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น จึงกลับไปให้บริการในระดับเดียวกับก่อนโควิดระบาด แต่ตอนนี้ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลกำลังระบาดหนัก โดยอัตราการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่พุ่งขึ้นเป็น 53.2% ในรอบสัปดาห์ระหว่างวันที่ 6-12 มี.ค. ซึ่งสูงกว่าข้อมูลในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์อย่างมาก โดยตอนนั้นมีไม่ถึง 1% จากข้อมูลสถิติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน

2

จ้าน แนะนำให้ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเข้ารับการฉีดวัคซีน นอกจากนั้นยังแนะนำให้เตรียมเทอร์โมมิเตอร์ น้ำยาตรวจแอนติเจน และยาต้านโควิด-19 ไว้ให้พร้อม ผมขอแนะนำให้กินยาทันทีเมื่อผลทดสอบกรดนิวคลีอิกออกมาเป็นบวก เพราะยิ่งได้รับยาต้านโควิด-19 เร็วเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

เตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 อยู่เสมอ

แม้ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่สถาบันสำคัญต่างๆ อย่างเช่นโรงพยาบาล ยังคงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ

จง หลินเถา (Zhong Lintao) ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการติดเชื้อในโรงพยาบาลของโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น กล่าวว่า ตอนนี้แพทย์ที่คลินิกไข้ของโรงพยาบาลทำการคัดแยกผู้ป่วยตามความรุนแรงของอาการ แทนที่จะเป็นผลการทดสอบกรดนิวคลีอิกแบบในช่วงสามปีที่ผ่านมา

จง บอกว่า ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในการปฏิบัติงานประจำวันด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่างเช่น เราได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันส่วนบุคคลสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ตลอดจนทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งของที่สัมผัสบ่อยเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในสถานพยาบาล

2

ขณะเดียวกัน จง ยังได้เปิดเผยอีกว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้สั่งสมประสบการณ์มากมายจากการระบาดระลอกล่าสุด และสามารถเปลี่ยนจากการปฏิบัติงานตามปกติไปสู่การตอบสนองต่อสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ไปยังคลินิกไข้ แผนกฉุกเฉิน และหอผู้ป่วย ไปจนถึงการจัดเก็บยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์

นอกจากนี้ เราจะขยายขีดความสามารถของแผนกฉุกเฉินด้วยการเปลี่ยนหอผู้ป่วยเฉพาะทางของแผนกอื่น เพื่อใช้เป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเมื่อมีความจำเป็น จง ระบุ

เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนอาคารหลังหนึ่งให้เป็นวอร์ดสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นวิกฤต และแม้ว่าจะกลับมาให้บริการในระดับปกติแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นวอร์ดผู้ป่วยโควิดได้อย่างรวดเร็วหากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

เสริมแกร่งจุดอ่อน

หลิว เต๋อชุน (Liu Dechun) ผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรและคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นอีก 6 หน่วยงาน ได้ออกประกาศและทำงานร่วมกันเพื่อรวบรวมผลสำเร็จที่สำคัญจากการป้องกันและควบคุมโรคระบาด รวมทั้งเสริมแกร่งจุดอ่อนด้านการเชื่อมโยงการแพทย์และการดูแลสุขภาพในเมืองและชนบทกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

3

หลิว กล่าวว่า จีนจะเสริมสร้างศักยภาพของระบบเฝ้าระวังโรคระบาด รวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าและตอบสนอง ตลอดจนปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและศักยภาพด้านการตรวจสุขภาพในสถาบันที่มีความสำคัญ เช่น สถาบันการแพทย์ สถานดูแลผู้สูงอายุ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น

หลิวยังเปิดเผยด้วยว่า จีนสนับสนุนให้มีการประสานงานและจัดสรรเวชภัณฑ์และทรัพยากรต่าง ๆ ตลอดจนสร้างระบบการรักษาพยาบาลแบบลำดับขั้นที่มีหลายระดับ และมีการส่งต่อผู้ป่วยเป็นแนวปฏิบัติมาตรฐาน ไปจนถึงสร้างเครือข่ายบริการสุขภาพสามระดับ ได้แก่ โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ โดยมีสถาบันการแพทย์ภาครัฐเป็นแกนนำ

นอกจากนี้ จีนจะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน และบริหารจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมตามสถานที่ต่างๆ เช่น หมู่บ้านในเมืองและตลาดสินค้าเกษตร เป็นต้น