ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ความหวาน” ถือเป็นความต้องการแรกๆ ของมนุษย์นับตั้งแต่แรกเกิด ธรรมชาติจึงพัฒนาต่อมรับรสหวานได้เร็วและดีกว่ารสอื่น และทำให้สมองหลั่ง "สารเอนโดรฟิน" แห่งความสุข เมื่อได้ลิ้มรสความหวาน

ทว่า “ชีวิตที่ติดหวาน” สุดท้ายมักลงเอยด้วยความทุกข์ เจ็บป่วย และสูญเสีย

ศ.นพ.จุมพล วิลาศรัศมี อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าถึงประสบการณ์ให้การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานว่า ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาแผลหายช้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณเท้า จนบางรายเกิดอาการลุกลามจนถึงกับต้อง "ตัดเท้า" กลายเป็น "ผู้พิการ"

ฉะนั้นจำเป็นต้องควบคุมอาหาร หมั่นพบแพทย์ เพื่อการวางแผนรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆ 

เดิมทีการวินิจฉัยโรคเบาหวานจะใช้อุปกรณ์ปลายแหลมที่คล้ายเอ็นตกปลากด สัมผัสไล่ตามจุดรับแรงกดบริเวณเท้าเพื่อตรวจสอบความรู้สึกของผู้ป่วย ซึ่งวิธีนี้อาจมีความคลาดเลื่อนได้ ปัจจุบันจึงมีการใช้ “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) และ “หุ่นยนต์” มาเป็นเครื่องมือช่วยในการวินิจฉัยและประเมินผล

ซึ่งเป็นผลงานการคิดค้นที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมกับทีมงานของ รอง ศ. ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งให้ผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับ จากการได้รับการตีพิมพ์และอ้างอิงอย่างกว้างขวางในวารสารวิชาการ Asian Journal Surgery ด้วย

มากไปกว่านั้น แนวทางการวินิจฉัยโรคนี้ ยังคว้า “รางวัลชนะเลิศ” First Prize Abstract and Presentation: A Novel Robotic Monofilament Test for Diabetic Neuropathy จากการประชุมโรคหลอดเลือดนานาชาติ 39th Annual VEITHsymposium ณ โรงแรมฮิลตันนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปีพ.ศ. 2555

แรกทีเดียว ทีมวิจัยได้ออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์ติดแขนกล ทำหน้าที่คล้ายมือแพทย์ในการวินิจฉัย แม้จะเป็นแบบ "ใช้สาย" แต่ก็ได้มีการทดสอบความปลอดภัย และประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความสะดวก สำหรับวินิจฉัยภาวะเส้นประสาทเสื่อมที่เท้าในผู้ป่วยเบาหวาน 

แต่ต่อมาได้พัฒนาเป็นแบบ "ไร้สาย" โดยผู้ป่วยเพียงวางเท้าตรงจุดที่กำหนด หุ่นยนต์จะทำงานตรวจเช็คจุดที่ต้องการตรวจวัดความรู้สึกของผู้เข้ารับการวินิจฉัยให้โดยอัตโนมัติ

แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าเพียงใด แต่หากขาดความเอาใจใส่ดูแลสุขภาวะ และการใช้ชีวิตที่เหมาะสม อาจสายเกินไปเมื่อรู้ตัวว่าร่างกายกำลังป่วยเกินเยียวยา

"เบาหวาน" อาจเป็นโอกาสให้กับผู้ที่อยู่ใน "ภาวะเสี่ยง" ได้หันมาดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เจ็บป่วยรุนแรงเมื่อสาย เพียงหันมา "ลดหวาน" กันอย่างจริงจังเสียตั้งแต่วันนี้