ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เผย สถานการณ์โควิด-19 กรมราชทัณฑ์ ภาพรวมสถานการณ์ยังดี สามารถจำกัดพื้นที่การระบาดภายในได้ พร้อมกำชับทุกฝ่าย ป้องกันและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด


นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม (ศบค.ยธ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 ว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ-ทัณฑสถาน วันนี้แม้จะไม่พบเรือนจำระบาดใหม่เพิ่ม แต่เนื่องจากเรือนจำกลางปัตตานี ซึ่งพบการติดเชื้อในแดนบางส่วนได้รับการประกาศเป็นเรือนจำแพร่ระบาดอีกครั้ง ส่งผลให้จำนวนเรือนจำสีขาวลดลงอยู่ที่ 130 แห่ง และเรือนจำสีแดงเพิ่มเป็น 12 แห่ง โดยแบ่งเป็นเรือนจำระบาดใหม่ 5 แห่ง ระบาดซ้ำ 1 แห่ง และที่พบการระบาดเพียงบางส่วนอีก 5 แห่ง ขณะที่เรือนจำกลางขอนแก่นอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) และคาดว่าจะสามารถพ้นจากการระบาดได้ในวันที่ 2 มี.ค. นี้

ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 66 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพบในห้องแยกกักโรค 63 ราย และพบในเรือนจำสีแดง 3 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น 1,387 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 83.8% กลุ่มสีเหลือง 15.9% และกลุ่มสีแดง 0.3% มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 86,809 ราย หรือ 96% ของผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมทั้งหมด 90,729 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อกันเป็นวันที่ 2 จึงมีผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 192 ราย หรือ 0.21% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมในวันนี้ ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ พบว่า แม้จะมีการระบาดเพิ่มเติมในบางแห่ง แต่ได้ดำเนินการตรวจคัดกรอง คัดแยก และรักษาผู้ติดเชื้ออย่างเป็นระบบ ภายใต้การประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่ายและสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ส่งผลให้เรือนจำและทัณฑสถานบางแห่ง สามารถควบคุมและจำกัดพื้นที่ของการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเรือนจำแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ยังได้กำชับให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ปฏิบัติตามแผนการบริหารความพร้อมในสภาวะวิกฤต (BCP) อย่างเคร่งครัด พร้อมทบทวนขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติให้มีความถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายนอกอยู่เสมอ ทั้งมาตรการเพื่อป้องกันเชื้อจากผู้ต้องขังรับใหม่ จากเจ้าหน้าที่ และสิ่งของที่จะเข้าสู่เรือนจำ การสุ่มตรวจหาเชื้อในแดนของเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการระบาด ตลอดจนการรักษามาตรการเพื่อป้องกันเชื้อของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้านการดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังนั้น ปัจจุบัน มีผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำและทัณฑสถานได้รับการฉีดวัคซีนจนครบโดสแล้ว จำนวน 248,228 ราย หรือคิดเป็น 91.36% ของจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 268,506 ราย

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 1 มีนาคม 2565 พบมีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัวเป็นจำนวน 86 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 57 ราย และเยาวชน จำนวน 29 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 36 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 19 แห่ง พบว่ามีการติดเชื้อ และอีก 1 แห่งหมดสถานะ ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน จำนวน 3,396 ราย หรือคิดเป็น 92% จากทั้งหมด 3,691 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 3,998 ราย หรือคิดเป็น 92.86% จากทั้งหมด 4,307 ราย

อนึ่ง ศ.พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ยธ. เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 9/2565 เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2565 โดยมี น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ น.ส.ศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)