ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติงบกลางจ่ายค่าเสี่ยงภัย "อสม.-อสส." กว่า 1 ล้านคน ตามที่ สธ.เสนอ ในอัตราเดือนละ 500 บาท รวม 6 เดือน ตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง-ป้องกันโควิดในชุมชน


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน วงเงินจำนวน 3,150,918,000 บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว สธ.ได้ทำการเสนอขึ้น เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,050,306 คน ในอัตราเดือนละ 500 บาทต่อคน ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 - มี.ค. 2565 รวมเป็นเงินจำนวน 3,150,9180 ล้านบาท

สำหรับความเป็นมาก่อนหน้านี้ ครม.ได้มีการประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ลงมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2564 เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2564

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประสานกับสำนักงบประมาณ และ สธ. ในการขอรับงบประมาณสำหรับค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์รวมถึง อสม. จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป

ถัดจากนั้นเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2565 นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ให้ สธ. เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในกรอบวงเงิน 3,150,918,000 บาท ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อมีมติอนุมัติในครั้งนี้