ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยุโรป ประเมินว่าอัตราการระบาดจาก โอมิครอนในอนาคตจะสูงมาก จับตาเทศกาลใหญ่ที่กำลังจะมาถึง


วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ดร.แอนเดรีย อัมมอน ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยุโรป (European Centre for Disease Prevention Control – ECDC) ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ว่า มีความน่ากังวลสูง และมีความเป็นไปได้ที่ภายในต้นปี 2565 โอมิครอนจะกลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในยุโรป

ดร.อัมมอน ได้เปิดเผยผ่านแถลงการณ์ว่า การอุบัติขึ้นของโอมิครอนนั้นเป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างมากในเวลานี้ จากการที่มีรายงานถึงการระบาดที่มาจากคลัสเตอร์ใหญ่ ซึ่งส่วนมากผู้ป่วยจากคลัสเตอร์เหล่านั้นเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มเรียบร้อยแล้ว และจากรายงานที่ทาง ECDC ได้รับ สถิติการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายในยุโรปกำลังเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ECDC ได้ประเมินว่าอัตราการระบาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะสูงมาก รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่เชื้อโอมิครอนจะนำไปสู่อาการเจ็บป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกับที่เกิดขึ้นมาแล้วกับเชื้อสายพันธุ์ “เดลต้า”

“วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพสูงต่อการป้องกันอาการเจ็บป่วยจากเดลต้า และวัคซีนยังเป็นปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นจากโอมิครอน รวมถึงการกลายพันธุ์ของเดลต้า จากข้อมูลการสำรวจ กว่าครึ่งล้านชีวิตได้รับการช่วยไว้จากผลของวัคซีน ดังนั้นแต่ละประเทศจึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนการรับวัคซีนให้แก่ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และให้แก่ประชาชนที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบจำนวนที่กำหนดไว้ นี่ยังรวมถึงการจัดการให้มีเข็มกระตุ้นให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ดร.อัมมอน กล่าว

ดร.อัมมอน ยังกล่าวต่อไปว่า ณ เวลานี้ วัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะช่วยป้องกันโอมิครอนได้ เพราะช่องว่างระหว่างการรับวีคซีนแต่ละเข็มยังคงมีอยู่ ดังนั้นการมีมาตรการที่จำเป็นและเข้มแข็งในการลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและลดภาระของระบบสาธารณสุขเป็นสิ่งที่เร่งด่วนที่สุด ช่วงเวลาเทศกาลที่กำลังจะมาถึง แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีทางเลือกในการดำเนินนโยบายและรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น การนำมาตรการที่เคยใช้ได้ผลกับการลดการระบาดและภาระของระบบสาธารณสุขจากการระบาดของเดลต้า ยังคงเป็นสิ่งที่สามารถจะใช้ได้ผลกับการระบาดของโอมิครอน

“การใส่หน้ากากอนามัย ทำงานที่บ้าน เลี่ยงสถานที่ที่มีความหนาแน่นสูง ลดความถี่การใช้ขนส่งสาธารณะ อยู่บ้านเมื่อมีอาการป่วย ล้างมือให้สะอาด และเข้มงวดในการดูแลตัวเองเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิด ทั้งหมดนี้ยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูง และถ้าประเทศต่างๆ ได้ผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ ก็มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอนว่าจะพบเจอกับสถิติการติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น” ดร.อัมมอน กล่าว

ดร.อัมมอน กล่าวอีกว่า เมื่อมีการพบเจอผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ขอให้ทำการติดตามการแพร่ระบาดและตรวจสอบข้อมูลของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสถานะการได้รับวัคซีน ด้านการตรวจหาเชื้อก็ยังเป็นเครื่องมือสำคัญ ผู้แสดงอาการทั้งหมดต้องได้รับการตรวจหาเชื้ออย่างไม่มีเงื่อนไขพร้อมๆ กับการกักตัว เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อ และที่สำคัญก็คือการใช้วิทยาการจีโนมิกส์มาช่วยหาเชื้อจะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่นในผลการตรวจได้เป็นอย่างดี

“ทั้งหมดนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยให้ตัวเราเองปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังจะช่วยป้องกันผู้คนรอบตัวเราอีกด้วย ด้วยการร่วมมือกัน เราสามารถเอาชนะสถานการณ์อันยากลำบากที่โรคระบาดได้ก่อให้เกิดขึ้น และในขณะที่ช่วงเวลาแห่งเทศกาลและการเฉลิมฉลองใกล้เข้ามา เราจะต้องรวมพลังกันให้มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา” ดร.อัมมอน กล่าว

อ้างอิง
https://www.ecdc.europa.eu/en/news-events/ecdc-publishes-new-risk-assessment-further-emergence-omicron-variant