ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี ร่วมรับมือสถานการณ์โควิด-19 จ.นครศรีธรรมราช ประสาน รพ.เอกชน-โรงแรมในพื้นที่ ร่วมจัดระบบบริการแบบ Hospitel รองรับดูแลผู้ติดเชื้อแบบ "HI-CI"  


พญ.พนิดา จันทรังสิกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 11 สุราษฎร์ธานี เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนกว่า 500-600 รายต่อวัน

พญ.พนิดา กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้เร่งประสานงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตลอดจนหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ สปสช. ในการรองรับการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ รพ.ทุ่งสง ที่เตียงผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองเริ่มเต็มแล้ว สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี จึงประสานไปยัง รพ.ธนบุรีทุ่งสง อ.ทุ่งสง และ รพ.นครพัฒน์ อ.เมือง ซึ่งเป็น รพ.เอกชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้มีเตียงผู้ป่วยรองรับเพิ่มขึ้นจำนวน 50 เตียง ช่วยลดภาระงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ทุ่งสง ในการดูแลผู้ป่วยด้วย

"ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองจะต้องได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการเปลี่ยนความรุนแรงเป็นระดับวิกฤติสีแดง นอกจากนี้ยังได้ประสานกับโรงแรมในพื้นที่ทุ่งสงเพื่อดึงเข้าร่วมเป็น Hospitel ที่เป็นสถานพยาบาลชั่วคราว เพื่อรองรับการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น" พญ.พนิดา กล่าว

พญ.พนิดา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสนับสนุนการจัดระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านและในชุมชน (Home Isolation /Community Isolation : HI/CI) นั้น สปสช.มีหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายชดเชยให้หน่วยบริการที่จัดระบบ HI/CI รองรับไว้แล้ว เพื่อการดูแลผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านและที่ชุมชนตามมาตรฐาน

นอกจากนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนและติดตามในส่วนของชุดตรวจ ATK การเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการกรณีโควิด และการพิสูจน์ตัวตนเพื่อเข้ารับบริการ (Authen Code) เพื่อไม่ให้เป็นภาระของหน่วยบริการในช่วงวิกฤติ เป็นต้น ซึ่งในพื้นที่การแพร่ระบาด สปสช.ได้เพิ่มเติมจัดสรรชุดตรวจ ATK อีกจำนวน 10,000 ชุด เพื่อกระจายให้กับประชาชนตรวจคัดกรองโควิดและเข้าถึงการรักษาโดยเร็ว