ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส ใช้ "AstraZeneca-Pfizer" เป็นตัวหลัก เตรียมเจรจาปรับเงื่อนไขรับเป็นวัคซีน "Generation 2" หากวิจัยแล้วเสร็จ


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค. เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2564 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ระบุว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส ซึ่งประกอบด้วย วัคซีน AstraZeneca จำนวน 60 ล้านโดส วัคซีน Pfizer จำนวน 30-50 โดส และวัคซีนตัวอื่นๆ 10-30 ล้านโดส

ทั้งนี้ ในส่วนของวัคซีน AstraZeneca จำนวน 60 ล้านโดส จะกำหนดส่งมอบในไตรมาสที่ 1, 2 และ 3 ปี 2565 จำนวน 15, 30 และ 15 ล้านโดสตามลำดับ ขณะที่วัคซีน Pfizer จำนวน 30-50 โดส จะกำหนดส่งมอบในไตรมาสที่ 1, 2, 3 และ 4 ปี 2565 จำนวน 7.5, 7.5, 17.5 และ 17.5 ล้านโดส ตามลำดับ

นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ขณะนี้ได้อยู่ระหว่างการเจรจาและจัดทำเงื่อนไขสัญญาให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2564 เพื่อที่จะกำหนดเงื่อนไขให้การจัดซื้อวัคซีนทั้ง 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีน AstraZeneca จะเปลี่ยนเป็นวัคซีน Generation ที่ 2 ได้เมื่อวิจัยแล้วเสร็จ เช่นเดียวกับวัคซีน Pfizer จะเปลี่ยนเป็นวัคซีน Pediatric vaccine หรือ adapted vaccine ได้ เมื่อวิจัยแล้วเสร็จ

"นอกจากนี้ในปี 2565 จะมีการจัดสรรวัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กอายุ 3-11 ปี ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นเข็มกระตุ้น หรือเข็มสาม โดยจะมีการพิจารณาการจัดสรรต่อไป" นพ.ทวีศิลป์ ระบุ