ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เร่งสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร "รพ.บุษราคัม" ปฏิบัติงานหนัก เพิ่มโอที 2 เท่า พร้อมเปิดรับอาสาสมัครบุคลากรสาธารณสุข-ผู้ป่วยที่หายแล้ว มาช่วยงานดูแลผู้ป่วยโควิด แบ่งเบาภาระงาน


นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุษราคัม เปิดเผยว่า ด้วยภาระงานของเจ้าหน้าที่ รพ.บุษราคัม หนักขึ้น ทำให้เกิดความกดดัน ความเครียด กระทบต่อการสื่อสารที่อาจไม่ทั่วถึง จึงได้มีการทบทวนประเด็นต่างๆ ที่สะท้อนมาจากทุกช่องทาง และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์อาวุโส ร่วมกันแก้ไขปัญหา ทั้งการจัดหาเครื่องมือ จัดระบบการบริการให้สะดวกขึ้น และชี้แจงทำความเข้าใจกับบุคลากรแล้ว

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สั่งการให้ดูแลขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใน รพ.บุษราคัม โดยอนุมัติค่าตอบแทนนอกเวลาราชการเพิ่มเป็น 2 เท่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไป และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เป็นผู้ดำเนินการเบิกจ่ายค่าตอบแทนต่างๆ ตามระเบียบราชการ รวมทั้งได้จัดบุคลากรแบคออฟฟิศจากสำนักงานปลัด สธ. มาช่วยงานด้านเอกสารวันละ 20 คน

นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เปิดรับอาสาสมัครบุคลากรสาธารณสุขจิตอาสาจากภูมิภาค ที่แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรับสมัครผู้ป่วยที่รักษาครบ 14 วัน ซึ่งถือว่าหายป่วยตามคำนิยามของโรค มาจ้างงานดูแลผู้ป่วย เช่น เคลื่อนย้าย พลิกตัวคนไข้ที่มีอาการหนัก หรือช่วยทำความสะอาดภายในหอผู้ป่วย และงานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่

"ส่วนประเด็นค่าเสี่ยงภัยต้องทำตามระเบียบราชการ เนื่องจากใช้งบประมาณแผ่นดิน โดยมติ ครม. จัดสรรเป็นงวดๆ เหมือนกันทุกหน่วยงาน ส่วนค่าตอบแทนอื่นๆ เช่น ค่าเดินทาง มีระเบียบการเบิกจ่ายของปี 2560 ได้มอบให้ รพ.พระนั่งเกล้า สอบทวน หากมีส่วนใดที่เป็นสิทธิประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ ให้ดำเนินการอย่างครบถ้วน หากมีเอกสารถูกต้องก็จะได้รับค่าตอบแทนในเดือนถัดไป" นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว

สำหรับ รพ.บุษราคัม จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของ สธ. ที่จะให้บริการดูแลคนผู้ป่วยโควิด-19 ในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และพื้นที่ข้างเคียง โดยรับผู้ป่วยผ่านสายด่วน หน่วยงาน และโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. - 20 ก.ค. 2564 มีผู้ป่วยสะสม 10,395 คน รักษาหายแล้ว 6,955 คน ยังคงรักษาตัวประมาณ 3,300 คน โดยขณะนี้รับผู้ป่วยใหม่วันละ 300-400 คน

ขณะที่บุคลากรที่ รพ.บุษราคัม มีจำนวนกว่า 300 คน เป็นแพทย์ 50-60 คน พยาบาล 200 คน ที่เหลือเป็นเภสัชกร นักรังสี ผู้ช่วยเหลือคนไข้ และอื่นๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จัดการเอกสารประมาณ 20 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดมาจากหน่วยงานในภูมิภาค โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดขณะนี้มีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ทั้งในเขต กทม. และต่างจังหวัด ทำให้ช่วงนับจากนี้การส่งเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานจะค่อนข้างยากลำบาก

นพ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า รพ.บุษราคัม ยังมีผู้ป่วยอาการหนักรักษามาระยะหนึ่งแล้ว ต้องให้ออกซิเจนประมาณ 500 คน และใช้เครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ (Oxygen High Flow) ถึง 170 คน ซึ่งมากที่สุดในประเทศ โดยมีผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ 6-9 คนต่อวัน 

"สถานการณ์เช่นนี้ การแก้ปัญหานี้ เราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คุยเป็นเชิงบวกเพื่อให้เกิดการพัฒนา หากบางประเด็นยังไม่กระจ่างแจ้งและส่งผลกระทบต่อองค์กร บุคคล หรือต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานหนักเกินกำลังอยู่แล้ว ขอให้ช่วยกันดูแลเพื่อให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้" นพ.กิตติศักดิ์ กล่าว