ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กก.โรคติดต่อแห่งชาติ ปรับสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ใหม่ เป็น “สลับชนิด” เพื่อสู้กับเชื้อเดลต้า โดยให้ฉีด “ซิโนแวค” เข็มแรก และฉีด “แอสตร้าเซเนก้า” เป็นเข็มที่สอง


ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 มีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกัน โดยเข็มที่ 1 ฉีดซิโนแวค เข็มที่ 2 ฉีดแอสตร้าเซเนก้า โดยเว้นระยะห่างระหว่างกัน 3-4 สัปดาห์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบแนวทางการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส โดยจะฉีดเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 ราว 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป โดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม มากกว่า 3 สัปดาห์แล้ว สามารถฉีดกระตุ้นภูมิด้วยเข็มที่ 3 ได้ทันทีภายในเดือน ก.ค.นี้ โดยจะเป็น “แอสตร้าเซเนก้า” หรือ “ไฟเซอร์”

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยจะอนุญาตให้ตรวจมาตรฐานในสถานพยาบาลกว่า 300 แห่ง และเร็วๆ นี้จะอนุญาตให้ตรวจได้เองที่บ้าน และยังได้เห็นชอบแนวทาง Home Isolation และ Community Isolation โดยมี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้สนับสนุนการดูแลผู้ป่วย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวหนึ่งว่า นอกจากมาตรการยาแรงที่ดำเนินการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดแล้ว จะมีการปรับแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยจะระดมฉีดให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ตั้งเป้าฉีดวัคซีนแก่ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ให้ได้ 1 ล้านคน ภายใน 2 สัปดาห์นี้ด้วย