ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ไทยผลิต “ไซทิซีน” ยาเลิกบุหรี่สำเร็จเป็นครั้งแรก สกัดจากสมุนไพร “จามจุรีสีทอง” เตรียมดันเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ หวังให้คนไทยเข้าถึงในราคาถูก-เพิ่มโอกาสเลิกบุหรี่สำเร็จมากยิ่งขึ้น


รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ในฐานะรองประธานเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ เปิดเผยว่า ขณะนี้การพัฒนายาเลิกบุหรี่ชนิดใหม่ในประเทศไทยที่ชื่อว่า “ไซทิซีน” (Cytisine) ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และเตรียมที่จะมีการผลักดันยานี้ให้เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป

สำหรับยาไซทิซีน เป็นสารสกัดธรรมชาติจากเมล็ดจามจุรีสีทอง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้ผ่อนคลายไม่หงุดหงิดในขณะที่เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ โดยเป็นการดำเนินการศึกษาวิจัยของ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.)

ทั้งนี้ การศึกษาวิจัยดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง ที่เข้ารับบริการเลิกบุหรี่ด้วยยาชนิดนี้ 500 คน เทียบกับอีกกลุ่มที่ใช้ยาชนิดอื่นอีก 500 คน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งหากได้ผลการวิจัยที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว อภ.จะทำการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และผลักดันสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป 

รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวว่า ไซทิซีนนับเป็นยาที่ดี ปลอดภัย ราคาถูก และมีงานวิจัยนานาชาติรองรับมากมายว่ามีประสิทธิผลดีจริง จึงเป็นที่สนใจในหลายประเทศ และถูกใช้มานานกว่า 60 ปีในยุโรปตะวันออก ถือเป็นยาเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยมาก จึงเป็นยาที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้การรับรองและสนับสนุนให้รัฐบาลทุกประเทศจัดหาไว้ เพื่อช่วยให้ประชาชนของตนเข้าถึงยาเลิกบุหรี่ที่ราคาถูกได้ง่ายขึ้น

"ยาชนิดนี้มีต้นทุนการผลิตที่ไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับยาเลิกบุหรี่ชนิดอื่นๆ ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในประเทศไทย การมียาเลิกบุหรี่คุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองโดยภาครัฐ จึงนับเป็นก้าวย่างสำคัญของบริการเลิกบุหรี่ในประเทศไทย ที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น และหลีกหนีจากผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างถาวรยิ่งขึ้น" รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าว

ในส่วนของวิธีใช้ยาชนิดนี้ มีตัวยาขนาด 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยในช่วง 3 วันแรก จะต้องกิน 6 เม็ดต่อวัน จากนั้นลดขนาดลงเรื่อยๆ เหลือ 5 เม็ด 4 เม็ด และ 2 เม็ดต่อวัน ไปจนครบ 25 วัน โดยขณะนี้มีงานวิจัยในต่างประเทศที่พยายามหาวิธีการกินยาชนิดนี้ที่ง่ายขึ้น ซึ่งพบว่าอาจกินแค่ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 เวลา ตลอด 25 วันไปเลยก็ได้ผลไม่ต่างกัน

รศ.นพ.สุทัศน์ กล่าวอีกว่า จากสถิติของเครือข่ายคลินิกให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่ พบว่าเฉลี่ยใน 1 ปี มีผู้เข้ารับบริการสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ 30-40% โดยในรายที่ไม่ใช้ยาสามารถเลิกได้สำเร็จเพียง 10% และในกลุ่มที่เลิกด้วยตนเองโดยไม่ได้เข้ารับบริการใดๆ จะมีโอกาสสำเร็จเพียง 5% เท่านั้น ดังนั้นยาไซทิซีน จะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นและปลอดบุหรี่ได้มากขึ้น

ด้าน น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า การให้บริการบำบัดการติดบุหรี่ มีทั้งในรูปแบบของการใช้ยาและไม่ใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่ อาทิ คลินิกฟ้าใส ร้านยาอาสาพาเลิกบุหรี่ ระบบบริการพยาบาลเพื่อเลิกบุหรี่แบบ One Stop Service สายเลิกบุหรี่ 1600 การเสริมพลังชุมชนในการช่วยเลิกบุหรี่โดย อสม. การนวดกดจุดสะท้อนเท้าช่วยเลิกบุหรี่ เป็นต้น

"ขณะนี้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ซึ่งเชื้อจะทำลายปอด และบุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำลายปอด เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส แพร่เชื้อผ่านควันบุหรี่ชนิดต่างๆ และหากโควิด-19 จะส่งผลให้อาการทรุดหนักได้ สสส.จึงขอเชิญชวนให้ใช้โอกาสนี้เลิกสูบบุหรี่ทุกชนิด เพื่อสุขภาพของตัวเอง และเพื่อความปลอดภัยจากโควิด-19" น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว