ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.อยู่ระหว่างพิจารณาขยายเวลากักตัวผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกา จาก 14 วัน เป็น 21 วัน เพื่อป้องกันไวรัสสายพันธุ์ “แอฟริกาใต้ อังกฤษ บราซิล” เข้ามายังประเทศไทย


ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มการกักตัวผู้เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาจาก 14 วัน เป็น 21 วัน เพื่อเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นแหล่งระบาดของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อังกฤษ และบราซิล

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่พบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในระลอกใหม่นี้ ปัจจุบันยังเป็นเชื้อที่มาจากเมียนมาเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยได้ติดตามการกลายพันธุ์ของเชื้อทุก 2 เดือน ตอนนี้ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการระบาดระลอกใหม่เพิ่งเริ่มเมื่อธันวาคม 2563 จึงยังไม่ยาวนานพอที่จะเห็นการกลายพันธุ์ได้

“ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งอาจเป็นแหล่งระบาดของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ อังกฤษ และบราซิล เพื่อไม่ให้คนไทยติดเชื้อและเกิดผลกระทบต่อการให้วัคซีน โดยได้หารือการเพิ่มการกักตัวผู้เดินทางมาจากประเทศในทวีปแอฟริกาจาก 14 วัน เป็น 21 วัน” ผศ.นพ.โอภาส กล่าว 

ผศ.นพ.โอภาส กล่าวต่อไปว่า การรักษาของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดในแต่ละสายพันธุ์ยังไม่มีความแตกต่างกัน ส่วนการป้องกันไม่ให้เชื้อกลายพันธุ์ คือ การทำให้เชื้อไม่เข้าสู่ร่างกาย ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ และเว้นระยะห่าง เพื่อยับยั้งกระบวนการไม่ให้ไวรัสอยู่ในคน และการใช้วัคซีน

อนึ่ง เชื้อไวรัสสามารถกลายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ แต่หากอยู่ในมนุษย์บางคนหรือสัตว์อาจกลายพันธุ์เร็วกว่าปกติ จึงต้องเฝ้าระวังมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ 1. สายพันธุ์ B.1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษที่อาจเพิ่มอัตราการป่วยหรือเสียชีวิตเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น  2. สายพันธุ์ B.1.351 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่อาจลดการตอบสนองของวัคซีนหลายชนิด 3. สายพันธุ์ P.1 หรือสายพันธุ์บราซิล คล้ายกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้