ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสมบูรณ์ไปแล้วเมื่อปี 2564 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2574 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรประเทศ หรือคิดเป็น 28% ของประชากรทั้งหมด

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา คือปัญหาค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข โดยมีการคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศจะพุ่งไปถึง 2.13 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ: gross domestic product)

ปัญหาสุขภาพที่สำคัญหนึ่งของผู้สูงอายุคือ “การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ” โดยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ “หกล้มทุกปี” ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการลื่น สะดุด หรือก้าวพลาดบนพื้นระดับเดียวกัน และผู้สูงอายุกว่า 80% พักอาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไม่มีราวจับในห้องน้ำหรือบันได ใช้ส้วมนั่งยอง มีพื้นต่างระดับ มีสิ่งขวางกั้น เป็นต้น

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเคลื่อนไหวทาง “กายภาพของมนุษย์” นั้นถือเป็นสิ่งที่ “สร้างไม่ได้” จึงทำได้แต่เพียงส่งเสริม รักษา และฟื้นฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่างกายแก่ตัวลง มวลของกล้ามเนื้อจะลดลง ควบคู่กับปัญหาด้านสายตา รวมถึงระบบประสาท การตอบสนอง การรับรู้ต่างๆ ที่ช้าลง สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อการทรงตัวของร่างกายผู้สูงอายุ ทำให้เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ พลัดตกหกล้ม เกิดอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมากขึ้น

จากปัญหาดังกล่าว จำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำให้ผู้สูงอายุ “คงความแข็งแรง” ของร่างกายไว้ให้ยาวนานที่สุด เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีแรงเคลื่อนไหว สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวก  และที่สำคัญคือลดอัตราการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ  รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศได้อีกด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ตั้งใจให้การสนับสนุนงานวิจัยที่จะสามารถสนองตอบสถานการณ์สังคมสูงอายุในขณะนี้

3

หนึ่งในนั้นคือการพัฒนานวัตกรรมวิจัย ชุดเอ็กโซสูท (Exosuit) “เรเชล (Rachel)” ชุดบอดี้สูทที่เป็นตัวช่วยพยุงกล้ามเนื้อให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นงานวิจัยโดยทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่นำโดย ดร.ศราวุธ เลิศพลังสันติ ผู้อำนวยกลุ่มวิจัยการออกแบบเชิงวิศวกรรมและการคำนวณ เอ็มเทค

ดร.ศราวุธ เล่าถึงชุดบอดี้สูท “เรเชล” ว่า การออกแบบวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ จัดทำขึ้นมาสำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้โดยเฉพาะ ซึ่งความพิเศษของชุดนี้ คือจะช่วยในการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระด้วยการมี “กล้ามเนื้อจำลอง” จากพลังงานลมที่ติดตั้งอยู่ในชุด เพื่อทำหน้าที่ “ซัพพอร์ต” หรือเสริมแรงในการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ

ดร.ศราวุธ เสริมอีกว่า กล้ามเนื้อจำลองที่อยู่ในชุด “เรเชล” เป็นเทคโนโลยีที่จำลองการทำงานของกล้ามเนื้อของคน เพื่อให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลุกขึ้นยืน เดินขึ้นบันได หรือแม้แต่กรณีการยกของหนัก ก็จะมีกล้ามเนื้อจำลองช่วยเสริมแรงพยุง ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อและกระดูก อันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ ที่จะต้องรักษามวลกล้ามเนื้อและกระดูกเอาไว้

ข้อมูลเพิ่มเติมจากทีมวิจัย ระบุว่า ตัวอย่างการลุกขึ้นยืนจากท่านั่ง ซึ่งแม้จะดูเป็นท่าพื้นฐานที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน แต่กลับซ่อนไปด้วยองค์ประกอบของการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อบริเวณกระดูกสันหลัง ลำตัว สะโพก เข่า ข้อเท้า ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานสอดประสานกัน โดยอาศัยแรงจากกล้ามเนื้อหลายมัด และการเคลื่อนของข้อต่อที่เหมาะสม โดยยังคงรักษาสมดุลของร่างกาย ซึ่งชุดบอดี้สูทที่ถูกออกแบบมานี้ จะเป็นการเข้าไปวาง “กล้ามเนื้อจำลอง” ในตำแหน่งที่ช่วยให้การทำงานของกล้ามเนื้อจริง เคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

3

อย่างไรก็ตาม แม้เทคโนโลยีบอดี้สูทในลักษณะเดียวกันนี้จะมีอยู่ในต่างประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์ประกอบในหลายส่วนนั้นอาจไม่ได้ตอบโจทย์กับคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ขนาด รูปทรง หรือความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ จึงเป็นโจทย์ให้ทีมวิจัยต้องพัฒนาขึ้นมาเองเป็นนวัตกรรมของคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากเป็นตัวช่วยให้กับผู้สูงอายุภายในประเทศแล้ว ยังจะสามารถทำตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ รอบข้าง ที่มีลักษณะความต้องการที่ใกล้เคียงกันได้อีกในอนาคต

สำหรับชุดบอดี้สูท “เรเชล” ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับคนไทยนั้น ในระยะแรกของการวิจัย เรียกว่ารุ่น แอคทีฟ (Active) โดยเป็นรุ่นที่มีการใช้ระบบพลังงานลมเพื่อสร้างกล้ามเนื้อจำลองทำให้ชุดมีน้ำหนักมาก ต่อมา สวรส. ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและต่อยอดการวิจัยในรุ่นชื่อว่า ออลเดย์ (All-day) โดยพัฒนานวัตกรรมกล้ามเนื้อจำลองด้วยการตัดเย็บและเลือกวัสดุผ้าที่มีน้ำหนักเบา แต่ยังคงคุณสมบัติในการทำงาน มีขนาดเหมาะสม สามารถสวมใส่เสื้อผ้าทับได้ และสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  คล่องตัว ตลอดจนตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

รวมทั้งในชุดเรเชล รุ่นออลเดย์นี้ มีการใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งจะส่งข้อมูลมายังแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อส่งสัญญาณให้ผู้สวมใส่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การยกของ การเดิน ฯลฯ ซึ่งระบบจะแจ้งเตือนหากมีการใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสม ผิดไปจากธรรมชาติ ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม ส่งผลให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น เป็นเวลานานขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของผู้สูงอายุที่ยังดูแลตัวเองได้ ลดภาวะพึ่งพิง และยังเป็นผู้สูงวัยที่แข็งแรง

ขณะเดียวกันความพิเศษของ ชุดบอดี้สูท “เรเชล” นี้ยังไม่ได้ถูกออกแบบบนโจทย์ของการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังได้นำมุมของแฟชั่นดีไซน์มาใช้ในการออกแบบพัฒนาชิ้นงานโดย อ.กนกลักษณ์ ดูการณ์ ผู้อำนวยการศูนย์อบรมแพ็ทเทิร์นอุตสาหกรรม แพ็ทเทิร์นไอที สถาบันพัฒนาแพ็ทเทิร์นอุตสาหกรรมและออกแบบเสื้อผ้าสำเร็จรูป ยืนยันว่า โจทย์ที่สำคัญไม่แพ้กันคือผู้ใช้งานจะต้อง “อยากสวมใส่” ซึ่ง “ความสวยงาม” จึงเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในการออกแบบร่วมด้วย

4

“หลังได้รับโจทย์มาแล้วเราได้พยายามมองหาตัวเลือกวัตถุดิบผ้าแต่ละชนิด ซึ่งเราใช้ผ้าแบบเดียวไม่ได้ เพราะผ้าแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ในการนำมาใช้งานให้เหมาะสมกับการยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อในแต่ละส่วน ขณะเดียวกันก็ต้องผสานเข้ากับอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งภายในชุดให้ได้อย่างลงตัว สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายในการออกแบบ เพราะถ้าเราต้องการให้คนสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้จริง ก็ต้องมีแรงดึงดูด ทำให้เขาเกิดความอยากได้อยากใช้ เรื่องของอารมณ์และความสวยงามจึงเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่ใช้ในการพัฒนานวัตกรรมชิ้นนี้” อ.กนกลักษณ์ อธิบาย

ในส่วนของการวิจัยและทดสอบชุดเรเชล ทางเอ็มเทคได้ดำเนินการภายใต้ ห้องปฏิบัติการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์อุปกรณ์วัดและประมวลผลด้านสุขภาพแบบสวมใส่ (Wearable devices) แบบ one-stop-service ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในปี 2565  โดยเป็นห้องปฏิบัติการที่มีกล้องติดตั้งโดยรอบเพื่อใช้ในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของชุด และชุดอุปกรณ์วัดสัญญาณชีพต่างๆ เช่น อุปกรณ์วัดสัญญาณไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ค่าพลังงานที่ร่างกายใช้ในการเคลื่อนไหว เพื่อประเมินประสิทธิภาพของอุปกรณ์สวมใส่ พร้อมแปรผลเป็นสัญญาณที่วัดค่าออกมาได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชุดที่ถูกพัฒนาขึ้นมานี้ ไม่ได้เป็นการทดสอบที่ตั้งอยู่บนความรู้สึกของผู้สวมใส่เพียงอย่างเดียว

ทั้งนี้ นอกจากการพัฒนาชุดบอดี้สูท “เรเชล” แล้ว ทางเอ็มเทค สวทช. ยังได้มีการพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่น ชุดพยุงหลัง “รอส (Ross)” ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับภารกิจทางการแพทย์ ช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อส่วนหลัง และความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ ได้แก่ การยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การพลิกตัวผู้ป่วย การประคองผู้ป่วย และก้มยกของ เป็นต้น ที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น พยาบาล หรือเวรเปล รวมถึงบุคคลที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่บ้านได้

3

ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. เสริมมุมองทางการแพทย์ โดยระบุว่า ปัญหาตามวัยของผู้สูงอายุ จะมีทั้งเรื่องของสมดุลทางร่างกาย กล้ามเนื้อที่อ่อนแรงลง กระดูกที่บางลง ส่งผลตามมาคืออัตราเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ “พลัดตกหกล้ม” และปัจจุบันมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากเกิดกรณีหกล้มขึ้นมาแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะรุนแรงมากกว่าคนวัยหนุ่มสาวหลายเท่าตัว อาจถึงขั้นต้องผ่าตัด นอนโรงพยาบาล หรือแม้แต่เกิดความพิการ ไปจนถึงต้องมีผู้ดูแล กลายเป็นการเพิ่มภาระด้านค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัว

“นวัตกรรมชุดบอดี้สูท เรเชล เป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลและป้องกันผู้สูงอายุ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศโดยรวมได้อย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่เรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุขณะนี้  ดังนั้น สวรส.จึงสนับสนุนนวัตกรรมวิจัยนี้ โดยร่วมกับทีมวิจัยและหน่วยงานเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ของประชาชนและเกิดผลดีต่อประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม” นพ.นพพร กล่าว

ผู้อำนวยการ สวรส. ยังระบุถึงเป้าหมายต่อไปของ สวรส. คือการสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมนี้ ให้ได้รับการประเมินความคุ้มค่า และเข้าไปสู่ชุดสิทธิประโยชน์ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญให้ประชาชนสามารถเข้าถึงนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ได้ ผ่านการบรรจุเป็นชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) และจะทำงานคู่ขนานไปกับหน่วยงานเครือข่าย อาทิ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) เพื่อการสนับสนุนสู่การผลิตนวัตกรรมออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้จริง และเสริมศักยภาพในแง่ของอุตสาหกรรมของประเทศ เนื่องจากนวัตกรรมลักษณะนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์สุขภาวะคนกลุ่มอื่นๆ ได้อีกด้วย