ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย ออกแนวทางลดขยะติดเชื้อใน รพ.สนาม-ศูนย์แยกกัก-ศูนย์พักคอย งดแจกกล่องโฟม-ขวดน้ำ คัดแยกขยะก่อนทิ้งเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปกำจัด หลังขยะติดเชื้อทะลักเพิ่มกว่า 94% กำจัดไม่ทัน


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ขยะติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เฉพาะช่วงเดือน ก.ค. 2564 พบปริมาณขยะติดเชื้อเกิดขึ้นมากกว่า 294 ตันต่อวัน ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 94% โดยส่วนใหญ่เป็นขยะประเภทภาชนะบรรจุอาหาร เศษอาหาร ชุด PPE อุปกรณ์ฉีดวัคซีน และชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK)

ทั้งนี้ ได้ส่งผลทำให้เกิดปัญหาในการเก็บขนขยะติดเชื้อ เนื่องจากหน่วยงานบริการ ผู้ปฏิบัติงาน และยานพาหนะที่ใช้สำหรับการเก็บขนขยะติดเชื้อมีไม่เพียงพอ ทำให้หลายจังหวัดมีปริมาณขยะติดเชื้อตกค้าง ณ แหล่งกำเนิด และสถานที่รับกำจัดจำนวนมาก เช่น พื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ระยอง เป็นต้น

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า กรมอนามัยจึงได้จัดทำแนวทางการลดขยะติดเชื้อในโรงพยาบาลสนาม สถานที่แยกกักซึ่งทางราชการกำหนด และศูนย์พักคอยผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่สามารถลดการเกิดขยะติดเชื้อ เช่น ไม่แจกกล่องโฟมใส่อาหาร หรือไม่แจกขวดน้ำบรรจุขวด แต่ติดตั้งจุดให้บริการน้ำดื่มแบบกด โดยให้ผู้ป่วยมีแก้วน้ำส่วนตัวมารับน้ำดื่มที่จุดบริการ และควรแยกขยะประเภทบรรจุภัณฑ์ออก ก่อนนำเข้าไปในอาคารผู้ป่วย เป็นต้น

​สำหรับการคัดแยกขยะ ให้แยกออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ขยะติดเชื้อ ได้แก่ ขยะที่ปนเปื้อนหรือสงสัยจะปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย สารคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ภาชนะ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกินแบบใช้ครั้งเดียว เช่น ช้อน ส้อม แก้ว หลอด เป็นต้น และชุด PPE โดยให้รวบรวมใส่ถุงแดงไม่เกิน 2/3 ส่วน มัดปากให้แน่น และเก็บรวบรวมในถังขยะสีแดง

ขณะเดียวกันให้กำหนดเวลาในการเก็บรวบรวมขยะติดเชื้อจากห้องพัก ไปยังที่พักรวมขยะติดเชื้อที่แยกจากขยะประเภทอื่น และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือผู้รับทำการเก็บขนขยะติดเชื้อ โดยให้ใช้รถขนขยะติดเชื้อเฉพาะเพื่อเก็บขนไปกำจัดด้วยวิธีที่ได้มาตรฐานตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดขยะติดเชื้อ พ.ศ.2545

2. ขยะทั่วไป ได้แก่ ขยะที่ไม่ได้ปนเปื้อนน้ำมูก น้ำลาย สารคัดหลั่งต่างๆ ของผู้ป่วย เช่น เศษกระดาษ ถุงพลาสติก กระป๋องโลหะ ขวดแก้ว กล่องนม ขวดพลาสติก ถุงขนมบรรจุภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น ในแต่ละวันให้รวบรวมและบรรจุขยะลงในถุงดำ มัดปากถุงให้แน่นแล้วเก็บรวบรวมในถังขยะสีเขียวหรือน้ำเงิน และนำไปกำจัดตามมาตรฐาน

3. ขยะประเภทเศษอาหาร ให้คัดแยกขยะประเภทเศษอาหารออกจากขยะประเภทอื่นๆ รวบรวมใส่ภาชนะรองรับที่จัดไว้เฉพาะ จากนั้นนำไปหมักทำปุ๋ยต่อไป โดยกระบวนการหมักที่ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและระยะเวลาสามารถทำลายเชื้อโรคได้

ในส่วนของการจัดการเตียงสนามกระดาษที่เลิกใช้งานแล้ว หรือชำรุดเสียหาย มีแนวทางการกำจัด คือ ให้ทำการฆ่าเชื้อโรค โดยการเช็ดถูด้วยน้ำยาหรือสารฆ่าเชื้อโรค เช่น แอลกอฮอล์ 70% และพักรอไว้ 1-2 วัน จากนั้นให้ถอดแยกชิ้นส่วน เก็บรวบรวมและเคลื่อนย้ายไปจุดพักรวม และประสานให้ อปท. นำไปกำจัดเป็นขยะทั่วไป หรือให้ผู้รับซื้อขยะรีไซเคิลมารับไปรีไซเคิล

นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในส่วนผู้ปฏิบัติงานจัดเก็บขยะของ อปท. ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตนเองขณะปฏิบัติงานโดย 1. ให้สวมถุงมือขณะปฏิบัติงานทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการคุ้ยเขี่ยหรือเปิดถุงขยะ 2. สวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือขยะจากสารเคมีมาสัมผัสร่างกายได้

3. ขณะปฏิบัติงานให้สวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสใบหน้า ปาก จมูก ตา เพราะอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อได้ง่าย 4. หลังการปฏิบัติงานทุกครั้ง ให้ทิ้งถุงมือ หน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วในภาชนะที่ปิดสนิทหรือถุงพลาสติก โดยมัดปากถุงให้แน่น แล้วล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ และหลังเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน ผู้ปฏิบัติงานต้องอาบน้ำ ชำระร่างกายให้สะอาดทันที