ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เสนอรัฐบาลเก็บภาษีคนถูกหวยนำมาช่วยลดปัญหาพนัน ชี้ยอดคนติดพนันพุ่งนับล้าน อดีตเหยื่อพนันชี้แค่เล่นไม่นานก็ติด ถ้าไม่มีตัวช่วยมอดม้วยแน่


เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2566 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน จัดกิจกรรมรณรงค์ “พนันเป็นสิ่งเสพติด” ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “เพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน” เผยประสบการณ์เหยื่อพนัน และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ติดพนันพร้อมการจัดนิทรรศการ กิจกรรมเรียนรู้ เปิดตัวคลิปรณรงค์ และการแสดงชุด “คนล้มลุก” ของเยาวชน

1

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ขณะนี้มีคนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ติดพนันราว 6.66 ล้านคนจากการประมาณการของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการพนันที่มีสัดส่วนของผู้เสพติดมากที่สุด คือ กาสิโนออนไลน์ รองลงมาคือหวยรายวัน เช่น หวยเพื่อนบ้าน หวยหุ้น หวยยี่กี อันดับสามคือ การพนันฟุตบอล ตามด้วยอันดับสี่ การเล่นพนันในบ่อนออนไซต์ต่างๆ และอันดับห้า ได้แก่ หวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาล

“อาการที่สำคัญของผู้เสพติดพนัน คือ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงก็ต้องเล่นพนัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าสุดท้ายตนจะต้องเสียเงินเป็นพันเป็นหมื่นหรือเป็นแสนเป็นล้านและจะมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีก คนติดพนันจึงเหมือนคนต้องคำสาปที่ต้องพาตัวเองเดินเข้าไปให้ธุรกิจพนันโบยตี เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก รู้ทั้งรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้เพราะเสพติด มีชีวิตที่ดิ่งลงเรื่อยๆ เหมือนถูกดูดลงไปในวังน้ำวน พวกเขาอยู่สภาพที่ย่ำแย่ เครียด และไม่มีความสุข เพราะสูญเสียแทบทุกสิ่งอย่าง ทั้งทรัพย์สิน ชีวิตครอบครัว และความเคารพที่ไม่มีเหลือให้ตัวเอง และกำลังเป็นภัยที่ซ่อนเงียบอยู่ในสังคม” นายธนากร ระบุ

1

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งมือทำ คือ การให้ความสนับสนุนช่วยเหลือให้พวกเขาแข็งแรงพอที่จะหักดิบไม่เล่นพนันได้ และยืนระยะได้ยาวนานพอจนเชื่อได้ว่าจะไม่หวนกลับไปหามันอีก แต่จำนวนหนึ่งมีโอกาสไปไม่รอด จึงต้องการการประคับประคองและเป็นกำลังใจของคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัว ซึ่งก็ต้องใช้ความพยายามและการอดทนที่สูงมาก ต้องแยกความป่วยไข้จากการติดพนันออกจากคนที่เป็นที่รักของเรา กว่าที่จะผ่านช่วงของการถอนพนันได้อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี   

ขณะที่หลายครอบครัวก็ไม่มีความพร้อมที่จะช่วยคนของตัวเองด้วย รัฐบาลจึงควรสนับสนุนให้มีบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ติดพนัน โดยเก็บภาษีจากกิจการพนันที่มีอยู่ ทั้งภาษีจากผู้ประกอบการ และภาษีจากผู้ได้รางวัล รูปธรรมหนึ่งที่น่าจะทำได้ไม่ยากคือ จัดสรรเงินจากกิจการสลากฯสัก 1-3% หักจากส่วนแบ่งของค่าบริหารจัดการของสลากดิจิตัล 21 ล้านใบก็ได้ 

4

1

นายธนากร กล่าวต่อไปว่า เพราะการขายทางดิจิทัลน่าจะทำให้ต้นทุนค่าบริหารจัดการถูกลง แล้วนำเงินมาเป็นงบประมาณในการลงทุนบริการนี้ ทั้งการพัฒนาบุคลากรและรูปแบบบริการต่างๆ อีกทางหนึ่งคือ การเก็บภาษีจากผู้ถูกรางวัลใหญ่ เช่น การถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ซึ่งหลายประเทศก็ทำกัน  อาจเก็บไม่เกิน 10% สองวิธีนี้จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เป็นพันล้านบาท แบ่งเพียงส่วนเดียวมาทำงานด้านนี้ ที่เหลือสามารถนำไปทำงานด้านอื่นได้มากมาย

นายทองแสง  ไชยแก้ว อดีตเหยื่อพนันออนไลน์ กล่าวว่า เคยมีประสบการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ ช่วงนั้นมีความต้องการใช้เงิน แต่มีไม่พอ และไม่อยากรบกวนหยิบยืมคนอื่น เลยตัดสินใจทดลองเล่นบาคาร่าด้วยเงิน 2,000 บาท เล่นครั้งแรกได้ เลยเกิดความคิดว่าถ้าเล่นอีกน่าจะได้เงินตามจำนวนที่ต้องการแน่ๆ จากนั้นก็ติดใจเล่นต่อมาเรื่อยๆ มีการได้เสียผลัดไปมา ตอนที่เสียก็อยากได้คืนตอนที่ได้ก็ยังไม่พอ ติดในวังวนนั้นร่วม 5 เดือน พฤติกรรมคือติดมือถือ อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ตลอด

4

รวมถึงโฟกัสงานไม่ค่อยได้ ทำให้งานที่รับผิดชอบไม่สำเร็จ นอนไม่หลับ ความคิดวนเวียนแต่จะเล่นพนัน ถึงจะพยายามบอกตัวเองอยู่หลายครั้งว่ารอบนี้รอบสุดท้ายแล้ว แต่เมื่อได้มาหรือเสียไปก็มีความรู้สึกอยากเริ่มใหม่อยู่เสมอ จนสุดท้ายเงินในบัญชีก็หมด ตอนนั้นเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันมืดไปหมด เสียใจ ผิดหวังกับตัวเอง 

อย่างไรก็ตาม ดีที่มีคนรอบข้าง แฟน ครอบครัว และเพื่อนเตือนสติ ช่วยเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เราสามารถสื่อสารความผิดพลาดของเรา โดยไม่ถูกตัดสิน ทำให้เรามีมุมมองที่เติบโตขึ้น และหยุดเล่นได้ แต่ความรู้สึกอยากเล่นพนันก็ยังตามมาหลอกหลอนอยู่อีกนานพอสมควร บทเรียนครั้งนั้นทำให้พบว่า ในช่วงเวลาที่เรามีความโลภ เราขาดสติ ไม่รู้เท่าทันตัวเอง และไม่สามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองได้เลย การพนันมันมีพลังดึงดูดสูงมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดการรู้เท่าทัน โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน

1

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช วิทยากรกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน กล่าวว่า การให้บริการปรึกษาเลิกพนันของไทยยังมีอยู่จำกัด มูลนิธิรรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับเครือข่ายนักจิตวิทยาการปรึกษา จึงได้จัดกิจกรรม “กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน” ขึ้น เป็นการให้คำปรึกษารูปแบบ Self Help Group ของบุคคลที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน มารวมตัวกันด้วยความสมัครใจ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน และช่วยกันเสนอทางเลือกทางรอดเพื่อก้าวข้ามปัญหาพนัน

“เป้าหมายหลักของผู้ที่มาเข้าร่วมกลุ่ม คือ อยากจะเลิกพนันให้ได้อย่างเด็ดขาด มีแนวทางใดที่จะช่วยพวกเขาได้ ซึ่งความเป็นจริงคือไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ละคนต้องค้นพบวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นเพียงพื้นที่ปลอดภัยที่ทุกคนมาร่วมกันเติมใจ เติมประสบการณ์ความรู้ ให้แต่ละคนค้นหาแนวทางการเลิกพนันได้ และได้พลังใจที่จะไม่กลับไปเล่นอีก หัวใจสำคัญคือ ผู้ติดพนันต้องเป็นผู้ตัดสินใจหักดิบเลิกพนันด้วยตัวเขาเอง คนอื่นไปตัดสินใจแทนให้ไม่ได้” นางฐาณิชชา กล่าว