ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘ชลน่าน’ ชี้แจงแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงินบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศ หลังหารือร่วมสถาบันการเงินจัดทำ 2 โครงการลดดอกเบี้ย ทั้งหนี้สินเชื่อและหนี้บ้าน ช่วยมีเงินเหลือเก็บเพิ่มเฉลี่ย 5,751 บาท/เดือน ประหยัดค่าใช้จ่ายภาพรวม สธ. 6 พันล้านบาท พร้อมทำ “คลินิกสุขภาพการเงิน” ช่วยเพิ่มวินัยทางการเงิน ให้บุคลากรมีความมั่นคงในชีวิต เป็น Quick Win นโยบายสร้างขวัญกำลังใจ 


วันที่ 27 พ.ย. 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานมอบนโยบาย “แก้หนี้ เสริมกำลังใจ ให้คนสาธารณสุข” ในการประชุมชี้แจงแผนงานความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน (Money Safety MOPH+) ต่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วประเทศ ผ่านการประชุมทางไกลและ Facebook Live โดยมี พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวง สธ. นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รักษาราชการแทนรองปลัด สธ. นายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร สธ. เข้าร่วม 

1

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ย. 2566 เป็นวันสถาปนา สธ. ครบ 81 ปี ปัจจุบันมีบุคลากรทั้งหมดกว่า 5 แสนคน แม้ต่างสังกัด ต่างหน้าที่ แต่ก็ร่วมกันรับผิดชอบชีวิตและสุขภาพของประชาชนไทย ผ่านอุปสรรคและวิกฤตกันมาหลายครั้ง ดังนั้น การสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร สธ. ให้มีความมั่นคง มีสวัสดิภาพและสวัสดิการต่างๆ อย่างเหมาะสมทุกวิชาชีพ จึงเป็นหนึ่งในนโยบายหลักและนโยบายที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ (Quick Win)

“ผมพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น ทุกปัญหาอุปสรรค และมีความจริงใจที่จะเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาให้กับบุคลากร อย่างเรื่องเงินค่าตอบแทนเสี่ยงภัยโควิด-19 ที่รองบประมาณเพิ่มเติมจาก ครม. ก็ได้ติดตามมาตลอด เรื่องตำแหน่งงาน มีการช่วยเหลือบรรจุให้เสมอภาคทางสายอาชีพ ความก้าวหน้าทางสายงาน เช่น การกำหนดตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพระดับชำนาญการพิเศษ การบรรจุผู้ได้รับจ้างงานอื่นตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพเข้ารับราชการ 

4

“รวมทั้งการแยกตัวออกจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา แต่กำลังเร่งดำเนินการ เพื่อให้อนาคตมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการกรอบอัตรากำลัง การทำผลงานวิชาการ ส่วนเรื่องภาระงานล้น บุคลากรน้อย การนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน จะช่วยลดภาระงานได้ส่วนหนึ่ง” นพ.ชลน่าน กล่าว 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องกรอบอัตราเงินเดือนที่อยู่ระหว่างรัฐบาลประกาศปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เบื้องต้น สธ. จะช่วยเหลือในส่วนของบุคลากรที่เดือดร้อนเป็นหนี้ โดยมอบหมายให้ พญ.นวลสกุล ดูแลความเป็นอยู่และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งจากการตั้งคณะทำงานเจรจาหาทางออกระหว่าง สธ. และธนาคารออมสิน ทำให้ได้ทางออกในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของบุคลากร 

4

เพื่อช่วยแบ่งเบาความทุกข์ในกลุ่มที่มีหนี้สิน ด้วยการพัฒนาระบบสร้างเสริมสุขภาพทางการเงินบุคลากร สธ. เพิ่มการสร้างวินัยทางการเงิน โดยจัดให้มี “คลินิกรักษาสุขภาพความมั่นคงทางการเงิน” และจัดทำแผนความมั่นคงปลอดภัยด้านการเงิน (Money Safety MOPH+) 2 โครงการ คือ 1. โครงการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ดำเนินการใน 4 กลุ่ม คือ รีไฟแนนซ์ ซื้อบ้านหลังใหม่ ปลูกสร้าง และต่อเติมซ่อมแซม จากข้อมูลพบว่าบุคลากร สธ. 15% เป็นหนี้บ้านประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อคน ดอกเบี้ยประมาณ 4.6% เฉลี่ย 9,583 บาทต่อเดือน ซึ่งดอกเบี้ยโครงการนี้อยู่ที่ 2.6% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อคน 4,167 บาทต่อเดือน และลดค่าใช้จ่ายภาพรวมของ สธ. 3 พันล้านบาทต่อปี 

2. โครงการสินเชื่อสวัสดิการและอื่นๆ 4 รูปแบบ คือ สินเชื่อสวัสดิการ : อุปโภคบริโภค/ชำระหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น, สินเชื่อ Salary เปย์ เพื่อบุคลากรภาครัฐ, สินเชื่อสวัสดิการโดยใช้บำเหน็จตกทอด และสินเชื่อรายได้ประจำสุขใจ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บุคลากร สธ. 40% เป็นหนี้เฉลี่ย 2 แสนบาทต่อคน ดอกเบี้ยประมาณ 16% เฉลี่ย 2,666 บาทต่อเดือน โดยดอกเบี้ยโครงการอยู่ที่ 6.459% จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต่อคนได้ 1,584 บาทต่อเดือน และลดค่าใช้จ่ายภาพรวมของ สธ. 3,042 ล้านบาทต่อปี โดยทั้ง 2 โครงการ คาดว่าจะช่วยทำให้บุคลากรมีเงินเหลือเก็บ 5,751 บาทต่อเดือน และประหยัดค่าใช้จ่ายภาพรวม สธ. ได้กว่า 6,042 ล้านบาทต่อปี 

4

พญ.นวลสกุลกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นคงของระบบสุขภาพ พร้อมไปกับการดูแลบุคลากรทุกคน ทุกระดับ และทราบถึงปัญหาภาระหนี้สินที่เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและขวัญกำลังใจในการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤตที่ต้องได้รับความช่วยเหลือเร่งด่วน จึงได้ตั้งคณะทำงานเจรจาหารือกับสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา รวมกว่า 2 เดือน เพื่อให้ได้ข้อเสนอสวัสดิการทางการเงินที่ดีที่สุด ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย สร้างสภาพคล่องทางการเงิน เสริมกำลังใจ สร้างความมั่นคงให้ชาวกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบแทนบุคลากรทุกคนที่ได้ทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทเสียสละ ดูแลสุขภาพประชาชนคนไทยทั้งประเทศจนมีผลงานที่ดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ตลอดมา 

ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า การเสริมสร้างขวัญกำลังใจบุคลากร ทั้งสวัสดิการ ความเป็นอยู่ และการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สิน จะช่วยให้บุคลากรมีความสบายใจ รู้สึกมั่นคงและมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ปฏิบัติงานดูแลพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ สามารถขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุขไปสู่เป้าหมาย “องค์กรแห่งความสุข” ได้อย่างแท้จริง