ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาฯ สปสช. เผยปรับระบบเบิกจ่ายให้เร็วขึ้น เพื่อดึงร้านยา-คลินิกเอกชนเข้าร่วมโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ให้มากที่สุด หวัง 4 จังหวัดนำร่องเข้าร่วมหมด ย้ำหากเริ่มโครงการแล้ว ปชช. ติดขัด ยกหูหาสายด่วน สปสช. 1330 ทันที ช่วยแก้ทุกอย่างตอบทุกคำถาม พร้อมเพิ่มบุคลากรเตรียมรองรับแล้ว 


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยกับ "The Coverage" ตอนหนึ่งว่า ในส่วนการเดินหน้าโครงการบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ซึ่งนำร่อง 4 จังหวัดได้แก่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี แพร่ และนราธิวาส ขณะนี้ สปสช. ได้ประสานเพื่อขอให้หน่วยบริการเอกชน โดยเฉพาะร้านยา และคลินิกเอกชน ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการกับประชาชน ซึ่ง สปสช. ต้องการให้หน่วยบริการทุกแห่งได้เข้าร่วมทั้งหมด 

ทั้งนี้ สปสช. ได้ปรับปรุงระบบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการให้รวดเร็วขึ้น โดยเป็นระบบที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยให้หน่วยบริการที่ให้บริการกับประชาชนในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) และได้กรอกข้อมูลรายละเอียดการให้บริการแล้ว สามารถรับค่าบริการได้ภายใน 3 วัน 

"ในอนาคตเมื่อพัฒนาระบบเบิกจ่ายให้มากขึ้น ก็จะทำให้การเบิกจ่ายทำได้แบบวันต่อวัน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่จะช่วยให้หน่วยบริการของเอกชน โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัดได้เข้าร่วมมากขึ้น" เลขาธิการ สปสช. กล่าว 

นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า ในส่วนโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงคลินิกของเอกชน ส่วนใหญ่แล้วก็พบว่า ต้องการการเบิกจ่ายที่รวดเร็วและคล่องตัว ขณะที่โรงพยาบาลของรัฐ ก็ต้องการการเบิกจ่ายที่มีความสม่ำเสมอ และมีช่วงเวลาในการบริหารจัดการบัญชีของโรงพยาบาลได้อย่างเหมาะสม โดย สปสช. แยกส่วนระบบการเบิกจ่ายให้เหมาะกับความต้องการทั้งในส่วนของเอกชนและของรัฐ ก็เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับหน่วยบริการ โดยเฉพาะกับภาคเอกชนให้เข้าร่วมมากขึ้น

เลขาธิการ สปสช. กล่าวด้วยว่า ในส่วนที่มาของข้อมูลการให้บริการกับประชาชนจากหน่วยบริการนั้น หากหน่วยบริการจะใช้แอปพลิเคชันใด หรือเป็นระบบใดก็ได้ที่เห็นว่ามีประสิทธิภาพ แต่ทราบมาว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องการให้เป็นระบบเดียว หรือผ่านแอปฯ เดียวทั้งหมด ทั้งนัดหมายแพทย์ หรือเลื่อนนัดหมายต่างๆ และมีข้อมูลของการให้บริการอยู่ในระบบเลย 

อย่างไรก็ตาม จะใช้กี่แอปฯ หรือระบบอะไรก็ตาม สปสช. ต้องการแค่ข้อมูลที่ยืนยันได้จริงว่า ประชาชนไปใช้บริการ และให้บริการจริงกับประชาชน เมื่อพิสูจน์ครบถ้วนก็จ่ายเงินทันที

ส่วนประเด็นที่ สปสช. ต้องการให้หน่วยบริการเข้าร่วมทั้งหมดนั้น เพราะต้องการให้โครงการเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะได้ไม่เกิดคำถามจากประชาชนที่มาใช้บริการ ว่าหน่วยบริการใดบ้างที่เข้าร่วม ซึ่งจะต้องกับเป้าหมายของโครงการที่บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่จริงๆ 

"โครงการบัตรประชาชนใบเดียวไปได้ทุกที่ ถ้าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เรายังมีเวลาปรับและทดลองกันใน 4 จังหวัดนี้ เมื่อแก้ได้และราบรื่น ก็จะขยายไปพื้นที่อื่นๆ ต่อไป" นพ.จเด็จ กล่าว 

นพ.จเด็จ ยังตอนท้ายด้วยว่า หากเริ่มโครงการไปแล้ว และประชาชนอาจติดขัดหรือมีข้อสงสัยในการเข้ารับบริการ ก็สามารถโทรมาสอบถามได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 ซึ่งได้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ทั้งการเพิ่มคู่สาย และเพิ่มบุคลากร อาสาสมัคร พยาบาลเกษียณ ให้มาช่วยตอบคำถาม และให้ข้อมูลกับประชาชน