ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ยืนยัน ‘มะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้’ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต-กลับไปทำงานได้เหมือนเดิม


นางเอ (นามสมมติ) อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี อายุ 54 ปี เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า ได้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งเป็นผลจากการยกระดับแนวทางการรักษาโรคมะเร็งให้ผู้ป่วยสามารถรักษาได้ทุกที่ที่พร้อม (Cancer Anywhere) เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2564 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำให้ในปัจจุบันสามารถกลับมาทำงานและใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะรักษาหาย 

1

สำหรับค่ารักษาพยาบาลเป็นการร่วมจ่ายตามรายการการรักษาที่ สปสช. กำหนด เช่น ค่ายาเคมีบำบัดหรือคีโม 10 บาทต่อครั้ง การตรวจค่าไต เจาะเลือด ครั้งละ 135 บาท โดยมีการรักษาได้แก่ การรับยาเคมีบำบัด หรือคีโม 8 ครั้ง ร่วมด้วยกับการฉายรังสีแสงเพื่อบำบัดมะเร็งจำนวน 30 ครั้ง การตรวจร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) 2 ครั้ง 

นางเอ กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2565 มีอาการปวดที่บริเวณก้นกบอย่างหนัก และมีสารคัดหลั่งสีน้ำตาลเข้มปนเลือดไหลออกจากบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งคิดว่าอาจไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร จึงไม่ได้ทานยาและเลือกปล่อยให้หายเองตามธรรมชาติ ก่อนที่ 2 สัปดาห์ต่อมาอาการต่างๆ ยังไม่ดีขึ้น รวมถึง 1 เดือนต่อมาจะรุนแรงขึ้นจนไม่สามารถทำงานได้ จึงทำให้ตัดสินใจไปตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกฟรีจากโครงการของทางโรงพยาบาลมิตรไมตรี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 

3

นางเอ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้น 16 วันทางโรงพยาบาลมิตรไมตรีได้แจ้งผลตรวจกลับมาว่าพบเชื้อมะเร็งบริเวณปากมดลูก และได้แนะนำให้ไปขอใบส่งตัวจากโรงพยาบาลบางใหญ่ ซึ่งเป็นสถานพยาบาลประจำตามสิทธิการรักษาที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งมีความพร้อมในการตรวจมากกว่า

ทั้งนี้ เมื่อส่งต่อมาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ได้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการตรวจ และได้รับการยืนยันว่าเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก รวมถึงแพทย์วินิจฉัยว่าไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากเป็นบริเวณปากมดลูก และแนะนำให้รับการรักษาด้วยการบำบัดด้วยยาแทน โดยเสนอทางเลือกว่าจะรับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี หรือที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โดยทางโรงพยาบาลจะดำเนินการส่งต่อรักษาให้ 

2

นางเอ ระบุว่า จนในที่สุดได้เลือกไปรับการรักษาที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นถึงระยะที่ 3 ซึ่งยังสามารถรักษาหายได้ โดยขณะนี้ก็รับการรักษามาแล้วประมาณ 5-6 เดือน ก็มีอาการดีขึ้นมาก และล่าสุดได้ทำการ MRI อีกครั้ง เพื่อตรวจหาเชื้อว่ายังมีหลงเหลือหรือไม่ ผลจะออกมาวันที่ 7 มิ.ย. 2566 

“ถ้าเดือนหน้าผลออกมาว่าโอเคไม่พบเชื้อแล้ว ทุกอย่างก็เรียบร้อย หลังจากนั้นอาจจะเป็นการติดตามอาการหลังรักษา และดูแลฟื้นฟูต่อ” นางเอ กล่าว